ความเป็นมาของปีสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย
ในปี
ค.ศ. 2010 (พ.ศ. 2553) องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้เป็นปีสากลแแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ (International Year of Biodiversity) (ข้อมติสมัชชาองค์การสหประชาชาติ ที่ 61/203 เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2006) และกำหนดให้สำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพเป็นหน่วย ประสานงานกลาง สำหรับการจัดงานเพื่อฉลองในปีดังกล่าว ภายใต้หัวข้อ "Biodiversity for Development and Poverty Alleviation"
ที่ประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาฯ ได้ร้องขอให้ภาคีอนุสัญญาฯ ร่วมกันจัดกิจกรรมในปีสากลแห่งความหลากหลายทาง ชีวภาพ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 2010 ในการลดอัตราการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพความหลากหลายทาง ชีวภาพลงอย่างมีนัยสำคัญ ภายในปี ค.ศ. 2010 โดยกำหนดรูปแบบให้มีการจัดการสัมมนาและเปิดเวทีการเจรจาหารือ เกี่ยวกับการดำเนินงานที่ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย 2010 พร้อมทั้งเผยแพร่ผลการดำเนินงานและข้อมูลข่าวสาร ต่างๆ โดยเฉพาะข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงอัตราการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพที่สูงขึ้น จัดทำภาพยนตร์และ สารคดีอื่นๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานที่ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายความหลากหลายทางชีวภาพ ปี 2010 รวมถึงแปล ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์สำหรับการจัดกิจกรรมพิเศษเฉพาะปีสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหมายของคำว่า ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity)
- คำว่า ความหลากหลายทางชีวภาพ มาจาก Biodiversity หรือ Biological diversity
ความหลากหลาย (Diversity) หมายถึง มีมากมายและแตกต่าง
ทางชีวภาพ (Biological) หมายถึง ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิต
- ความหลากหลายทางชีวภาพ หมายถึง การมีสิ่งชีวิตนานาชนิด นานาพันธุ์ในระบบนิเวศอันเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย ซึ่งมีมากมายและแตกต่างกันทั่วโลก หรือง่ายๆ คือ การที่มีชนิดพันธุ์ (Species) สายพันธุ์ (Genetic) และระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่แตกค่างหลากหลายบนโลก
  
ความสำคัญของการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ

ความหลากหลายทางชีวภาพ (Biological Diversity หรือ Biodiversity) เป็นคำนิยามที่มีความหมายถึง ความแตกต่างหลากหลายของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนผืนโลก และรูปแบบทางธรรมชาติที่เกิดขึ้น จากความหลากหลายดังกล่าว อันเป็นผลมาจากกระบวนการวิวัฒนาการที่ยาวนานนับพันล้านปี รวมถึงจากกิจกรรมของมนุษย์ในปัจจุบัน ซึ่งจนถึง ปัจจุบันนี้ มีการศึกษาและจำแนกสิ่งมีชีวิตทั่วโลก ไปแล้วประมาณ 1.75 ล้านชนิด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก โดยเฉพาะแมลงชนิดต่างๆ
นักวิทยาศาสตร์ได้ประมาณการว่า ปัจจุบันมีสิ่งมีชีวิต ทั้งพืช สัตว์ และจุลินทรีย์ ประมาณ 13 ล้านชนิด อาศัยอยู่บนโลก และจำนวนที่แท้จริงอาจเป็นไปได้ตั้งแต่ 3 ล้านถึง 100 ล้านชนิด
ความหลากหลายทางชีวภาพ ยังมีความหมายรวมถึงความแตกต่างทางพันธุกรรม หรือในระดับของยีน, โครโมโซม และดีเอ็นเอ ภายในสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด
นอกจากนี้ ความหลากหลายทางชีวภาพ ยังหมายถึงระบบนิเวศที่แตกต่างหลากหลายทั่วโลก เช่น ทะเลทราย ป่าไม้ ภูเขา ทะเลสาบ แม่น้ำ และภูมิทัศน์ทางการเกษตรในรูปแบบต่างๆ ซึ่งในแต่ละระบบนิเวศนั้น สิ่งมีชีวิตทุกชีวิต รวมถึง มนุษย์ อยู่รวมกันเป็นสังคมและมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน รวมถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย กับสิ่งแวดล้อม ทางกายภาพที่อยู่รอบตัว ทั้งอากาศ น้ำ และดิน ปัจจัยดังกล่าวทำให้โลกเป็นถิ่นที่อยู่อาศัย ที่มีความเหมาะสมที่สุดของ มนุษย์ ความหลากหลายทางชีวภาพที่อุดมสมบูรณ์ เป็นที่มาของผลผลิต และบริการจากระบบนิเวศที่จำเป็นต่อการดำรง ชีวิตของมนุษย์ ซึ่งทรัพยากรเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง และไม่สามารถทดแทนได้ในเวลาอันสั้น หากมีการสูญเสีย หรือเสื่อมสภาพไป
ผลผลิตและบริการจากระบบนิเวศที่สำคัญมีดังนี้
- อาหาร, เชื้อเพลิง และเส้นใย
- วัตถุดิบสำหรับสร้างที่อยู่อาศัยและสิ่งก่อสร้างต่างๆ
- ทำให้อากาศและน้ำบริสุทธิ์
- กรองสารพิษและย่อยสลายขยะของเสียต่างๆ
- ช่วยให้สภาพภูมิอากาศของโลกมีความคงที่ ไม่แปรปรวนหรือเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง และเหมาะสม กับการดำรงชีวิตของมนุษย์
- ช่วยป้องกัน, ควบคุม และบรรเทาน้ำท่วม, ภัยแล้ง, วาตภัย และการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ไม่ให้มีความรุนแรงจนเกิน ระดับที่สามารถรองรับได้
- ช่วยสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดิน และฟื้นฟูดินที่เสื่อมสภาพ รวมถึงช่วยในการหมุนเวียนของวัฎจักรสารอาหาร
- ช่วยในการผสมเกสรและการแพร่กระพันธุ์ของพืชหลายชนิด
- ช่วยควบคุมศัตรูพืชและโรคระบาดต่างๆ
- ดำรงรักษาความหลากหลายทางพันธุกรรม เพื่อเป็นฐานทรัพยากรสำหรับการคัดเลือกและปรับปรุงพันธุ์พืชปลูกและ ปศุสัตว์ต่างๆ รวมถึงการผลิตยารักษาโรค และผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากทรัพยากรชีวภาพ
- ผลประโยชน์ทางวัฒนธรรม และสุนทรียศาสตร์/นันทนาการ
- ความสามรถในการปรับตัวเข้ากับสิ่งต่างๆ
|