ความตายของเสือโคร่งและจุดสีดำในงานอนุรักษ์ ภาพเสือโคร่งหนุ่มที่ถูกยิงตายในรัฐ Kayin (รัฐกะเหรี่ยง) ที่พม่าเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์เพราะออกมากัดคนเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกผ่านสังคมออนไลน์ ตามรายงานข่าวระบุว่าเสือได้เข้าทำร้ายชาวบ้านสองคนที่หมู่บ้าน Yelal Kone ในเมือง Kawkareik ตั้งแต่เช้าตรู่ราวตี 4 ครึ่งและ7โมงเช้า พอสายๆ ทางทหารและเจ้าหน้าที่จึงได้จัดชุดออกไล่ล่าและจับตายเสือตัวนี้ซึ่งติดอยู่ในป่าละเมาะผืนเล็กๆ สำหรับคนที่ทำงานวิจัยและติดตามประชากรเสือโคร่งในประเทศไทยคงยิ่งรู้สึกเศร้าใจเป็นทบทวีคูณ เพราะลวดลายบนแผ่นหนังยืนยันว่าเสือตัวดังกล่าวคือเจ้า HKT206M เสือหนุ่มอายุราว 3 ปีที่เกิดและเติบโตในห้วยขาแข้ง นักวิจัยเพิ่งจะได้ภาพเจ้า HKT206M กับแม่เสือHKT-141F ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว (2015) จากฐานข้อมูลในการติดตามด้วยกล้องดักถ่ายภาพสัตว์ป่าของสถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ เจ้า HKT206M เป็นเสือหนุ่มที่อยู่ในช่วงเสาะหาอาณาเขตของตัวเอง มันออกเดินทางไกลเพื่อค้นหาผืนป่าที่มันจะได้ลงหลักปักฐาน ไม่มีใครรู้ว่าเหตุใดมันจึงออกเดินทางไกลไปขนาดนั้น จุดที่มันถูกฆ่าตายอยู่ห่างจากจุดที่เคยถ่ายภาพได้ในป่าห้วยขาแข้งไม่น้อยกว่า 150-200 กิโลเมตร มันเดินทางผ่านหมู่บ้าน ผ่านเทือกสวนไร่นา ข้ามพรมแดนประเทศ จนไปติดอยู่ในหย่อมป่าเล็กๆ ที่ล้อมรอบด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ เมื่อหมดหวังที่จะไปให้ถึงผืนป่าใหญ่ ความอ่อนล้า หิวโหยคงทำให้มันตัดสินใจเข้าจู่โจมคนเพื่อความอยู่รอด จนต้องพบจุดจบอันโหดร้าย สิ่งที่เกิดขึ้นคงจะไม่ใช่ความผิดของใคร แต่สามารถอธิบายได้ตามหลักชีววิทยาเชิงอนุรักษ์ในเรื่อง Source and Sink dynamics และชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อนที่ยังมีอยู่ของงานอนุรักษ์ในระดับภูมิภาค ปัจจุบันเป็นที่พิสูจน์แล้วว่า ห้วยขาแข้งและป่าตะวันตก คือแหล่งอนุรักษ์สัตว์ป่าที่ดีที่สุดของภูมิภาคแถบนี้ เป็น Source หรือแหล่งขยายพันธุ์ของประชากรสัตว์ใกล้สูญพันธุ์หลายๆ ชนิด เมื่อผืนป่าคุณภาพดีได้รับการอนุรักษ์อย่างเข้มแข็ง ประชากรสัตว์ป่าก็เพิ่มขึ้นและเริ่มกระจายไปยังพื้นที่ข้างเคียง แต่ใน Sink หรือแหล่งอาศัยที่คุณภาพไม่ดี การอนุรักษ์อ่อนแอ มีภัยคุกคามมาก ประชากรก็ลดจำนวนลงไปเรื่อยๆ เป็นเหมือนหลุมดำ จุดดำในงานอนุรักษ์ อาจเป็นผืนป่าที่ถูกตัดแบ่งเป็นหย่อมเล็กๆ หรือยังมีการล่าสัตว์ แม้จะได้ประชากรสัตว์ป่าเข้าไปเพิ่ม แต่ก็ยากที่จะอยู่รอดได้ในระยะยาว เป็นเหมือน Sink ที่ถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม แม้แต่ในป่าตะวันตกเองก็ยังมีผืนป่าที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างเข้มแข็งเท่าที่ควร ยังทำหน้าที่เป็น Sink อยู่ หากจะฟื้นฟูประชากรสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์เช่นเสือโคร่งให้สำเร็จ ลำพังการอนุรักษ์แต่ Source อาจไม่เพียงพออีกต่อไป แต่เราต้องช่วยกันคิดว่าจะเปลี่ยนผืนป่าข้างเคียงโดยรอบที่เป็น Sink ให้กลายเป็น Source ได้อย่างไร จะพัฒนาระบบการจัดการพื้นที่ให้มีความเข้มแข็งทั่วผืนป่าะวันตกและสร้างแนวร่วมกับชุมชนรอบผืนป่ารวมไปถึงคนในเมืองได้อย่างไร และเราต้องป้องกันไม่ให้มีการคุกคาม ตัดแบ่งผืนป่าออกเป็นหย่อมๆอีกแล้ว สำหรับบริเวณที่ผืนป่าใหญ่ถูกตัดขาดจากกันไปแล้วอาจต้องพิจารณาสร้างแนวเชื่อมต่อทางชีวภาพ (biological corridor) เพื่อช่วยให้สัตว์ป่าสามารถเคลื่อนย้ายระหว่างป่าผืนใหญ่ได้อย่างปลอดภัย สร้างความปลอดภัยให้ทั้งสัตว์และคน และในกรณีของเสือโคร่งยังหมายถึงการสร้างความร่วมมือในการอนุรักษ์ข้ามพรมแดนระหว่างไทยและพม่าอีกด้วย ชีวิตและความตายของเสือโคร่งหนุ่มแห่งห้วยขาแข้งเป็นเรื่องน่าเศร้า และคงทำให้หลายคนที่ทุ่มเททำงานหนักเพื่อฟื้นฟูเสือโคร่งในห้วยขาแข้งรู้สึกท้อใจ แต่ความตายของเจ้า HKT206M ก็ยิ่งตอกย้ำว่าห้วยขาแข้งเป็น Source ที่สำคัญของการอนุรักษ์เสือโคร่งระดับโลกจริงๆ ความตายของมันย้ำเตือนถึงความจริงที่ว่าการอนุรักษ์เป็นเรื่องไร้พรมแดน และจุดสีดำในงานอนุรักษ์ไม่เคยหมดไป ข้อมูล: สมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่า (WCS) |
![]() |
![]() |
ที่มา https://www.facebook.com/sunshine.sketcher |