ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับอนุสัญญาไซเตส
ประวัติความเป็นมา
(CITES) เป็นชื่อย่อของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกลสู้ญพันธุ์
(The Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora)
มีวัตถุประสงค์ในการอนุรักษ์ซึ่งทรัพยากรที่มีชีวิตในโลก ให้เป็นประโยชน์ของมนุษยชาติต่อไปในอนาคต
อนุสัญญาฉบับนี้เริ่มมาจากความคิดที่จะควบคุมการค้าสัตว์ป่าระหว่างประเทศ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2503
เนื่องจากมีการล่าและค้าขายสัตว์ป่าอย่างมากมาย การขาดการควบคุมอย่างเป็นระบบ เช่น ช้างแอฟริกัน
แรด และสัตว์อีกหลายชนิดที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก ซึ่งอาจสูญพันธุ์ไปจากโลก เพราะความสนุกสนานจากการล่า
และผลประโยชน์มหาศาลจากการค้ามีการพิจารณาในเรื่องนี้ในการประชุมสหพันธ์ระหว่างประเทศ
เพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ( International Union for Conservation of Nature and
Natural Resources (IUCN) )
ซึ่งเป็นองค์กรหนึ่งในองค์การสหประชาชาติ และได้มีการประชุมอย่างจริงจังขึ้นที่กรุงสต๊อกโฮม ประเทศสวีเดน ในปีพ.ศ.2515
หลังจากนั้นอีก 1 ปี คือในปี พ.ศ.2516 ได้มีการประชุมที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยมีประเทศต่างๆเข้าร่วมประชุม 88 ประเทศ
และมี 21 ประเทศ ได้ลงนามในอนุสัญญาฉบับนี้ทันทีจากนั้น ในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2518
องค์กร UNEP (United Nation Environment Programme)
ได้จัดตั้งเลขาธิการ CITES ขึ้น โดยให้อยู่ภายใต้การทำงานของ IUCN จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2527 จำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงได้มีการตั้งสำนักงานเลขาธิการ CITES ถาวรขึ้น ณ กรุงโลซานด์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ปัจจุบันมีประเทศภาคีทั้งสิ้น 166 ประเทศ ( พ.ศ. 2547 ) บริหารงานโดยองค์กร UNEP และได้รับทุนสนับสนุนจากประเทศภาคีโดยในระหว่างปี พ.ศ. 2546- 2548
ประเทศไทยต้องจ่ายเงินอุดหนุนปีละ 13,780 US.Dollar
โครงสร้างของไซเตส ( CITES Constructure )
ประกอบด้วย
1. สำนักเลขาธิการ ( Secretariat )
มีหน้าที่ประสานงานกับคณะกรรมการของประเทศภาคีในการกำ หนด นโยบายของไซเตส โดยจัดให้มีการประชุมของประเทศภาคีทุกๆ 2 ปี หรือจัดประชุมเมื่อประเทศภาคีร้องขอ สรรหา งบประมาณมาสนับสนุนองค์กร และเผยแพร่ข่าวสารต่างๆ มีเจ้าหน้าที่ทำ งานประมาณ 20 คน
2. คณะกรรมาธิการประจำ ( Standing Committee )
มีหน้าที่เสนอนโยบายให้คณะเลขาธิการ ประสาน
งานและแนะนำ กรรมการในเรื่องต่าง และจัดทำ ร่างข้อสรุปติของที่ประชุม จำ นวน 17 ท่าน ประกอบด้วย
2.1 ผู้แทนจากภูมิภาคหลัก 6 ภูมิภาค ( Six Majer Geographic Regions ) ได้แก่ แอฟริกา ยุโรป
เอเชีย อเมริกาเหนือ อเมริกากลางและใต้ และ oceania
2.2 รัฐบาลของประเทศที่ให้การสนับสนุน ได้แก่ สวิสเซอร์แลนด์ (The Depositary Government )
2.3 ตัวแทนของประเทศเจ้าภาพในการประชุมครั้งปัจจุบัน และครั้งต่อไป
3. คณะกรรมการด้านสัตว์ ( Animal Committee )
มีหน้าที่ในการประสานงานในการควบคุมการค้าสัตว์ป่า ที่มีผลกระทบต่อการดำ รงพันธุ์ พิจารณาทบทวนชนิดสัตว์ของแต่ละบัญชี และช่วยจัดทำ ร่างข้อสรุปมติของที่ ประชุม ประกอบด้วยผู้แทนจากภูมิภาคหลัก 6 ภูมิภาค
4. คณะกรรมการด้านพืช ( Plants Committee )
มีหน้าที่เช่นเดียวกับคณะกรรมการด้านสัตว์แต่รับผิดชอบ เฉพาะด้านพืช ประกอบด้วยผู้แทนจากภูมิภาคหลัก 6 ภูมิภาค เช่นกัน
5. คณะกรรมการจัดทำ คู่มือการจำ แนกตัวอย่างพันธุ์ ( Identification Manual Committee )
มีหน้าที่ประสานงานและจัดทำ คู่มือทางวิชาการและปฏิบัติการในการจำ แนกตัวอย่างพันธุ์ ประกอบด้วยกรรมการจากการ อาสาสมัคร
6. คณะกรรมการให้ชื่อวิยาศาสตร์ (Nomenclature Committee)
มีหน้าที่พิจารณาทบทวนชื่อวิทยาศาสตร์
ของชนิดสัตว์และพืชในแต่ละบัญชีเลขหมาย ประกอบด้วยคณะกรรมการจากการอาสาสมัคร
มาตรการที่ประเทศภาคีต้องปฏิบัติ
1. ต้องกำ หนดมาตรการที่ต้องใช้บังคับตามข้อกำหนดของอนุสัญญาฯ และห้ามทำการค้าตัวอย่างพันธุ์สัตว์ และพืชที่เป็นการละเมิดอนุสัญญาฯ รวมทั้งการกำหนดโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน โดยสมาชิกต้องมีมาตรการในการบังคับ ใช้อนุสัญญาฯ (CITES) มิให้มีการค้าสัตว์ป่า พืชป่าที่ผิดระเบียบอนุสัญญาฯ ต้องมีมาตรการลงโทษผู้ค้า ริบของกลาง และส่งของกลางกลับแหล่งกำเนิด กรณีทราบแหล่งกำเนิด
2. ต้องตั้งด่านตรวจสัตว์ป่า พืชป่าระหว่างประเทศให้เร็วที่สุด เพื่อควบคุมและตรวจสอบการค้าสัตว์ป่า พืชป่ากำหนดให้มีด่านสำหรับนำออก และต้องระมัดระวังการขนถ่ายตัวอย่างพันธุ์เพื่อให้เกิดความอยู่รอดมากที่สุด
3. ต้องจัดทำ รายงานเสนอต่อสำนักเลขาธิการไซเตส ได้แก่
3.1 รายงานประจำ ปี เกี่ยวกับข้อมูลนำ เข้า-ส่งออก และนำ ส่งต่อไปซึ่งชนิดพืชและสัตว์ตาม
อนุสัญญาฯ
3.2 รายงานประจำ 2 ปี เกี่ยวกับระเบียบข้อบังคับ และมาตรการที่ปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ เพื่อเสนอในการประชุม กรรมาธิการทุกๆ 2 ปี ( Conference of the Party )
4. ต้องกำหนดให้มีคณะทำงาน 2 คณะ ได้แก่
4.1 คณะทำงานฝ่ายปฏิบัติการ ( Management Authority ) เป็นผู้รับผิดชอบปฏิบัติงานและติดต่อ
ประสานงานกับสำนักเลขาธิการไซเตส เพื่อพิจารณาข้อกำหนดแบ่งเจ้าหน้าที่ด้านพืชและสัตว์ มีอำนาจใน
การออกใบอนุญาตไซเตส จัดทำรายงานตามอนุสัญญาฯ จัดทำและเผยแพร่ข่าวสาร ประสานงานและจัด
ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ เจ้าหน้าที่ศุลกากรและเจ้าหน้าที่ตำรวจ
4.2 คณะทำงานฝ่ายวิชาการ ( Scientific Authority ) เป็นผู้รับผิดชอบให้ข้อมูลที่ปรึกษาด้านวิชา
การด้านพืชและสัตว์แก่คณะทำงานฝ่ายปฏิบัติการ
5. มีสิทธิเสนอข้อเสนอเพื่อเปลี่ยนแปลงเลื่อนอันดับชนิดสัตว์และพืชในบัญชีหมายเลข 1, 2 และ 3 ต่อ สำ นักเลขาธิการไซเตส และจะมีการพิจารณาลงมติอนุมัติในการประชุมที่จะจัดขึ้นทุก 2 ปี (Conference of the Party)