ระบบการควบคุมการส่งออกและนำเข้าซึ่งชนิดพืชหรือสัตว์ตามอนุสัญญา

CITES

    อนุสัญญานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อติดต่อร่วมมือประสานงานในการดำ เนินการควบคุมการค้าการส่งออกสัตว์ ป่าและพืชป่าระหว่างประเทศ เพื่อมิให้เกิดการทำลายล้างอย่างไม่มีขอบเขต ในปัจจุบันมีประเทศต่างๆ ประมาณ 166 ประเทศทั่วโลกได้เข้าร่วมภาคี อนุสัญญานี้จะให้ความคุ้มครองต่อชนิดพันธุ์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ โดยมีข้อตกลงระหว่าง ประเทศภาคีอนุสัญญาในการกำ หนดมาตรการควบคุม การนำเข้า การส่งออก ตลอดจนการนำ ผ่านแดน และการ บรรจุหีบห่อเพื่อการขนส่งชนิดพันธุ์นั้นๆ เพื่อมิให้กระทบกระเทือนเกิดความเสียหายหรือเสียชีวิต และมีการกำหนด ชนิดพันธุ์แนบท้ายเป็น 3 บัญชี คือ

ชนิดพันธุ์แนบท้ายเป็น 3 บัญชี

1. ชนิดพันธุ์แนบท้ายบัญชีหมายเลข 1

เป็นชนิดพันธุ์ที่ห้ามทำ การค้าโดยเด็ดขาด ยกเว้นกรณีพิเศษเพราะ เป็นสัตว์ชนิดที่ใกล้จะสูญพันธ์ การนำ เข้าหรือส่งออกต้องได้รับการยินยอมจากประเทศที่จะนำ เข้าก่อน ประเทศที่ส่ง ออกจึงจะออกใบอนุญาตส่งออกให้ การพิจารณาให้นำ เข้าหรือส่งออกของทั้ง 2 ประเทศ ต้องคำ นึงถึงความอยู่รอด ของชนิดพันธุ์นั้นๆ เป็นความสำ คัญหากไม่ปฏิบัติตามนี้จะถือว่าเป็นการกระทำ ที่ไม่ถูกกฎหมาย ตัวอย่างชนิดพันธุ์ที่ แนบท้ายบัญชีนี้ ได้แก่ จระเข้นํ้าจืด จระเข้นํ้าเค็ม ช้างเอเชีย กระทิง ลิงอุรังอุตัง กอลิล่า หมีแพนด้ายักษ์ ปลาวาฬยักษ์ เสือชีตาร์ เสือดาว เสือโคร่ง กล้วยไม้หายากบางชนิด ฯลฯ

2. ชนิดพันธุ์แนบท้ายบัญชีหมายเลข 2

เป็นชนิดพันธุ์ที่ที่ยังไม่ถึงกับใกล้จะสูญพันธุ์อนุญาตให้ทำ การค้า ได้ แต่ต้องมีการควบคุมไม่ให้เกิดความเสียหาย หรือลดจำ นวนของชนิดพันธุ์นั้นอย่างรวดเร็ว โดยประเทศที่ส่งออก ต้องออกหนังสืออนุญาตเพื่อการส่งออก และรับรองว่าการส่งออกแต่ละครั้งนั้นจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อการ ดำ รงชีวิตของชนิดพันธุ์นั้นในธรรมชาติ ตัวอย่างชนิดพันธุ์ได้แก่ นกแก้ว นิ่ม ชะมด ค้างคาวแม่ไก่ทุกชนิด ลิง ค่าง นาก โลมา พืชประเภท หม้อข้าวหม้อแกงลิง ( Nepenthes spp. ) เป็นต้น

3. ชนิดพันธุ์แนบท้ายบัญชีหมายเลข 3

เป็นชนิดพันธุ์ที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายของประเทศใด ประเทศหนึ่งแล้วขอความร่วมมือกับประเทศภาคีด้วยกัน ให้ช่วยดูแลการส่งออกต้องได้รับการอนุญาต และมี หนังสือรับรองเพื่อการส่งออกจากประเทศถิ่นกำเนิดว่าจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อความอยู่รอดตามธรรมชาติ ของชนิดพันธุ์นั้นๆ เช่น กวาง Black Buck ของประเทศเนปาล นกกระทาดง ของประเทศมาเลเซีย เป็นต้น การค้าขายระหว่างประเทศของสัตว์ป่า พืชป่า และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าและพืชป่า ตามบัญชีหมายเลข 1, 2 และ 3 ดังกล่าว จะถูกควบคุมโดยระบบใบอนุญาติ (Permit) ซึ่งหมายถึงว่า สัตว์ป่า และพืชป่าที่ CITES ควบคุม จะ ต้องมีใบอนุญาตในการ
1. นำเข้า (Import)
2. ส่งออก (Export)
3. นำผ่าน (Transit)
4. ส่งกลับออกไป (Re-export)

การส่งออกและนำ เข้าซึ่งชนิดพืชและสัตว์ตามอนุสัญญาฯ ถูกควบคุมโดยเลขาธิการไซเตส ซึ่งมีศูนย์บันทึก และวิเคราะห์ข้อมูลการนำ เข้า-ส่งออกชนิดพืชและสัตว์ระหว่างประเทศภาคี มีชื่อว่า TRAFFIC (Trade records Analysis of Flora and Fauna in Commerce) หรือเรียกว่า WTMU ( Wildlife Trade Monitering Unit ) หากมีข้อสงสัย ทางไซเตสจะติดตอ่ กับคณะกรรมการฝา่ยปฏิบัติการ ( Management Authority ) ของประเทศผู้ส่งออกหรือนำ เข้า การอนุญาตส่งออกและนำ เข้าผู้ส่งออกต้องนำสินค้าให้คณะทำ งานฝ่ายปฏิบัติการของประเทศตนตรวจ สอบเพื่อออกใบอนุญาตไซเตส ซึ่งคณะทำ งานฝ่ายปฏิบัติการจะประสานงานกับคณะทำงานฝ่ายวิชาการเพื่อปรึกษา แนะนำ แล้วจึงดำเนินการอนุญาต ให้ผู้ส่งออกเพื่อแสดงต่อด่านศุลกากรขาเข้า แล้วไปผ่านคณะทำ งานฝ่ายปฏิบัติการ ของประเทศผู้นำ เข้าเพื่อออกใบอนุญาตให้แก่ผู้นำเข้า

ที่มา เอกสารวิชาการ ไซเตส (CITES) กับประเทศไทย ของ มานพ เลาห์ประเสริฐ