การดำเนินงานของประเทศไทยเกี่ยวกับไซเตส

  ประเทศไทยได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุมและรับรองอนุสัญญาในปี พ.ศ.2518 และได้ให้สัตยาบันในวันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2526 โดยเป็นสมาชิกอันดับที่ 80 ในวันที่ 23 มกราคม พ.ศ.2527 กรมป่าไม้ได้เชิญส่วนราชการที่ เกี่ยวข้องประชุมเพื่อแบ่งความรับผิดชอบ โดยได้พิจารณาแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบดังนี้
1. กรมป่าไม้ รับผิดชอบ เรื่อง สัตว์ป่า
2. กรมวิชาการเกษตร รับผิดชอบ เรื่อง พืช
3. กรมประมง รับผิดชอบ เรื่อง ปลาและสัตว์ทะเล


  แต่ในขณะนั้นประเทศไทยไม่ได้มีการดำ เนินการใดๆ ในการควบคุมการค้าสัตว์ป่าและพืชป่า ทำให้ไทย ถูกพิจารณาลงโทษจากกลุ่มประเทศภาคีอนุสัญญา CITES ด้วยการห้ามทำการค้าขายสัตว์ป่าพืชป่า และผลิตภัณฑ์ จากสัตว์ป่าและพืชป่ากับประเทศไทย (Trade Ban) ตั้งแต่เดือนเมษายน 2534 ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2535 ประเทศไทยได้ตราพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ซึ่งมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการนำ เข้า ส่งออก และนำ ผ่านซึ่งชนิดสัตว์ป่าที่ CITES ควบคุม และกรมป่าไม้ได้ชี้แจง ทำ ความเข้าใจกับสำนักเลขาธิการ CITES และแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงที่จะถือปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ CITES ต่อ ไปในอนาคตเป็นผลให้สำ นักเลขาธิการ CITES ประกาศยกเลิก Trade Ban ต่อประเทศไทย ตั้งแต่เดือน เมษายน 2535 และผลเสียหายที่เกิดจาก Trade Ban ครั้งนี้ ประมาณว่าหลายพันล้านบาท

  ปัจจุบันภายหลังการปฏิรูประบบบริหารราชการ ได้มีการจัดแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบเกี่ยวกับงาน CITES ในประเทศไทยให้แก่ส่วนราชการต่างๆ ดังนี้
1. กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ดูแลเรื่องสัตว์ป่า
2. กรมวิชาการเกษตร ดูแลเรื่องพืช
3. กรมประมง ดูแลเรื่องสัตว์นํ้า

พันธกรณีที่สำคัญ และโครงการ/กิจกรรมที่ประเทศไทยได้ดำเนินการไปแล้ว

1. ภาคีต้องจัดตั้งคณะงานทำ งานฝ่ายปฏิบัติการ และคณะทำ งานฝ่ายวิทยาการประจำ ประเทศ เพื่อควบคุมการค้าสัตว์ป่าพืชป่า
- แต่งตั้งคณะกรรมการไซเตสประจำประเทศไทย
- แต่งตั้งคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ
- แต่งตั้งคณะกรรมการพันธุ์พืช


2. ภาคีต้องมีมาตรการในการบังคับใช้อนุสัญญามิ ให้มีการค้าสัตว์ป่าพืชป่า ผิดระเบียบอนุสัญญาฯ โดยมีมาตรการลงโทษผู้ค้า ผู้ครอบครองริบของกลาง และส่งของกลางกลับแหล่งกำเนิดกรณี ทราบถิ่นกำเนิด
- ตรา พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535
- ตรา พ.ร.บ. พันธุ์พืช (ฉบับที่ 2) ซึ่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติผ่านเป็นกฎหมายเมื่อ วันที่13 มีนาคม 2535


3. ภาคีต้องตั้งด่านตรวจสัตว์ป่า พืชป่าระหว่าง ประเทศเพื่อควบคุม และตรวจสอบการค้าสัตว์ป่า  พืชป่าและการขนส่งที่ปลอดภัยตามระเบียบ อนุสัญญาฯ
- จัดตั้งด่านตรวจสัตว์ป่าและกำหนดเขต ด่าน ตรวจสัตว์ป่า ในท้องที่จังหวัดต่างๆ 10 ด่าน (กรมป่าไม้)
- มอบหมายให้ด้านกักกันสัตว์นํ้า ทำหน้าที่ ตรวจสอบ การนำ เข้าสัตว์นํ้าในอนุสัญญา 6 ด่าน (กรมประมง)
- ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืชที่ปฏิบัติด่านตรวจพืช ตามประกาศ กษ. เรื่อง กำ หนดด่านตรวจพืชจำนวน 26 ด่าน ทั่วประเทศ (กรมวิชาการเกษตร)


4. ภาคีต้องจัดส่งรายงานประจำ ปีเกี่ยวกับสถิติการค้าสัตว์ป่า พืชป่าของประเทศตนแก่สำ นักเลขาธิการไซเตส
- คณะกรรมการไซเตสประจำ ประเทศไทย ได้ดำเนินการจัดส่งรายงานเป็นประจำทุกปี


5. ภาคีมีสิทธิเสนอเปลี่ยนแปลงชนิดพันธุ์ในบัญชี Appendix I-II-III ให้ประเทศภาคีร่วมพิจารณา

ที่มา เอกสารวิชาการ ไซเตส (CITES) กับประเทศไทย ของ มานพ เลาห์ประเสริฐ