บทที่ 6

การจัดองค์กรและแผนดับไฟป่า

โบราณมีคำพังเพยกล่าวไว้ว่า “อย่าเล่นกับไฟ” เพราะถึงแม้ไฟจะมีคุณอนันต์ แต่ในขณะเดียวกันก็มีโทษมหันต์ เนื่องจากไฟเป็นของร้อนและอันตราย เมื่อปราศจากการควบคุมที่ดีโดยปล่อยให้เกิดไฟไหม้ขึ้น ไฟจะแสดงบทบาทเป็นผู้ทำลายที่เหี้ยมโหดอำมหิต เปลวไฟอันร้อนแรงจะเผาผลาญคร่าทุกชีวิตที่ขวางหน้าให้มอดไหม้กลายเป็นเถ้าธุลี อำนาจการทำลายล้างของไฟแข็งแกร่งน่าสะพึงกลัวจนยากที่จะต้านทาน จนมีคำพังเพยตามมาว่า “น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ” ภาพลักษณ์ของไฟจึงเสมือนหนึ่งว่าเป็นอำนาจที่ไร้ผู้ต่อต้าน แต่สำหรับพนักงานดับไฟป่าแล้ว การเล่นกับไฟเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเป็นภาระหน้าที่ความรับผิดชอบโดยตรง ยิ่งไปกว่านั้นยังจำเป็นต้องใช้น้ำน้อยเพื่อเอาชนะไฟให้ได้อีกด้วย การดับไฟป่าจึงเป็นงานที่ทั้งยากลำบากและทั้งเสี่ยงอันตราย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นงานที่ท้าทายความสามารถของผู้ที่มีสัญชาติญาณในการต่อสู้และไม่ยอมจำนนกับอุปสรรคขวากหนามใดๆ ดังเช่นพนักงานดับไฟป่า

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะสามารถ “เล่นกับไฟ โดยใช้น้ำน้อยเอาชนะไฟให้ได้” นั้นพนักงานดับไฟป่าจะต้องมีความรู้ ทักษะ ความชำนาญ และประสบการณ์ในการดับไฟป่าเป็นอย่างดี และโดยธรรมชาติแล้วการดับไฟป่าไม่สามารถกำหนดทฤษฎีหรือกฎเกณฑ์ที่แน่นอนตายตัวลงไปได้ ทั้งนี้เพราะทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์และพฤติกรรมของไฟที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในทุกเสี้ยววินาที จนผู้ที่คว่ำหวอดในงานดับไฟป่าได้กล่าวไว้ว่า “หนทางเดียวที่จะเรียนรู้ถึงวิธีการดับไฟป่า ก็คือการออกไปเผชิญหน้ากับไฟป่าและได้สัมผัสรับรู้ถึงความร้อนและควันของมัน” จึงอาจกล่าวได้ว่า งานดับไฟป่าเป็นงานศิลปะมากกว่าจะเป็นศาสตร์ และเป็นศิลปะในการใช้น้ำน้อยเอาชนะไฟที่มีกำลังกล้าแกร่งกว่ามาก

วัตถุประสงค์ในการดับไฟป่า

การปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งรวมถึงชีวิตของพนักงานดับไฟป่าเองให้รอดพ้นจากไฟป่า ถือว่าเป็นภารกิจสำคัญอันดับแรกของพนักงานดับไฟป่า ในขณะที่การปกป้องทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม ถือเป็นภารกิจรองลงมา โดยพิจารณาตามระดับความสำคัญและคุณค่าของพื้นที่ป่านั้นๆ

การจัดองค์กรดับไฟป่าขั้นพื้นฐาน

การจัดองค์กรดับไฟป่าถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในกระบวนการดับไฟป่า เพราะถึงแม้ว่าจะมีกำลังคนและอุปกรณ์การดับไฟป่าอย่างมากมายก็ตาม แต่ถ้าขาดการจัดองค์กรที่เป็นระบบแล้ว เมื่อเข้าเผชิญหน้ากับไฟป่า ซึ่งเป็นช่วงสถานการณ์ที่วิกฤติ และเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ก็อาจเกิดความสับสนวุ่นวาย และตื่นตระหนก จนกระทั่งการปฏิบัติงานล้มเหลว และผู้ปฏิบัติงานได้รับอันตราย ดังนั้นการดับไฟป่าจึงจำเป็นต้องมีการจัดองค์กร เพื่อให้ทราบสายการบังคับบัญชาที่ชัดเจน ผู้ปฏิบัติงานแต่ละคนทราบหน้าที่และภารกิจของตนเอง และมีการประสานการปฏิบัติงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ จึงจะเป็นหลักประกันความสำเร็จของงาน และความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานทุกคน

ในแต่ละประเทศจะมีการจัดองค์กรดับไฟป่าที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไปจะแบ่งกำลังออกเป็นหมวดหมู่ คือ หมู่ดับไฟป่าภาคพื้นดิน หน่วยเครื่องสูบน้ำและรถดับเพลิง หน่วยเครื่องจักรกลหนัก และหน่วยสนับสนุนทางอากาศ สำหรับประเทศไทย การจัดองค์กรดับไฟป่าพื้นฐานของสถานีควบคุมไฟป่า จะประกอบด้วย หมู่ดับไฟป่า หน่วยลาดตะเวนและสื่อสาร และหน่วยสนับสนุน (ภาพที่ 6.1)

   

หัวหน้าหน่วยควบคุมไฟป่า

   
           
           

หมู่ดับไฟป่า

(ตั้งแต่ 1 หมู่ ขึ้นไป)

 

หน่วยลาดตระเวน

และสื่อสาร

 

หน่วยสนับสนุน (ถ้ามี)

- เครื่องสูบน้ำ

       

- Slip-on Tank

       

- รถบรรทุกน้ำ

       

- รถดับเพลิง

       

- รถแทรกเตอร์

       

- เฮลิคอปเตอร์

ภาพที่ 6.1 การจัดองค์กรดับไฟป่าพื้นฐานของประเทศไทย

การจัดหมู่ดับไฟป่า

หมู่ดับไฟป่าภาคพื้นดิน ถือว่าเป็นหน่วยที่มีความสำคัญที่สุดในการดับไฟป่า เพราะเป็นกำลังหลักที่จะเข้าเผชิญหน้ากับไฟป่าโดยตรง เพื่อควบคุมและดับไฟป่าลงให้ได้อย่างสิ้นเชิงในที่สุด ซึ่งเปรียบเสมือนทหารราบอันเป็นราชินีแห่งสนามรบที่เป็นกำลังหลักในการเข้าประจันหน้าและทำลายล้างข้าศึกให้ได้อย่างราบคาบ เพื่อเข้ายึดพื้นที่และประกาศชัยชนะในการศึกครั้งนั้นในที่สุด

หมู่ดับไฟป่าควรจะจัดให้มีขนาดเล็กแต่พอเพียงสำหรับการปฏิบัติภารกิจ ทั้งนี้เพื่อความคล่องตัวและความสะดวกในการบังคับบัญชาและประสานงาน ในประเทศสหรัฐอเมริกา จัดหมู่ดับไฟป่าภาคพื้นดินของหน่วย Hot Shot โดยมีกำลังพล 20 นาย ซึ่งเท่ากับหมู่ดับไฟป่าภาคพื้นดินของประเทศแคนาดา นอกจากนั้นแคนาดายังมีการจัดหมู่ดับไฟป่าพิเศษ เรียกว่า หน่วยจู่โจมเคลื่อนที่เร็ว (Initial Attack, IA.) ซึ่งมีกำลังพลเพียง 3 นาย ส่งกำลังทางเฮลิคอปเตอร์และใช้วิธีโรยตัวจากเฮลิคอปเตอร์ลงสู่พื้นที่เป้าหมาย ทำให้สามารถสะกัดไฟได้อย่างรวดเร็วและมีความคล่องตัวสูง สำหรับประเทศรัสเซีย จัดหมู่ดับไฟป่าโดยมีกำลังพล 12 นาย ส่งกำลังทางอากาศ โดยโดดร่มจากเครื่องบินปีก 6 นาย และโรยตัวจากเฮลิคอปเตอร์อีก 6 นาย จากนั้นจึงประกอบกำลังเป็นหมู่ดับไฟป่าเดียวกันในภาคพื้นดิน (ภาพที่ 6.2)

ภาพที่ 6.2 หมู่ดับไฟป่าของประเทศรัสเซีย (ชุดสีเขียวขี้ม้า)

สำหรับประเทศไทย การจัดหมู่ดับไฟป่ายิ่งเล็กจะยิ่งมีประสิทธิภาพ เพราะจะมีความคล่องตัวและมีอิสระในการปฏิบัติงานสูง ตามธรรมชาติของคนไทยที่ไม่ถนัดกับการทำงานเป็นทีม (Teamwork) อย่างไรก็ตามในบางครั้งเนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องอุปกรณ์การสื่อสารทำให้จำเป็นต้องจัดหมู่ดับไฟป่าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ดังนั้นเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นตามภารกิจและข้อจำกัด จึงจัดหมู่ดับไฟป่าไว้ 2 แบบ ดังนี้

1. หมู่ดับไฟป่าขนาดเล็ก

มีกำลังพล 7 นาย แบ่งหน้าที่ดังนี้

- หัวหน้าหมู่ดับไฟป่า 1 นาย

- ถังฉีดน้ำดับไฟป่า 2 นาย

- ที่ตบไฟ 4 นาย (พร้อมครอบไฟป่าหรืออุปกรณ์ทำแนวกันไฟอื่นๆ)

ในขณะเข้าปฏิบัติงาน หมู่ดับไฟป่าขนาดเล็กนี้สามารถกระจายกำลังออกเป็น 2 หมู่ดับไฟย่อย หมู่ย่อยละ 3 นาย โดยเป็นที่ตบไฟ 2 นาย และ ถังฉีดน้ำดับไฟ 1 นาย และถือเป็นกฎเกณฑ์มาตราฐานว่า หมู่ย่อยที่เล็กที่สุดในการดับไฟป่าจะต้องมีกำลังอย่างน้อย 3 นาย โดยที่ตบไฟและถังฉีดน้ำดับไฟจะต้องปฏิบัติงานร่วมกันเสมอ ในอัตราส่วน ที่ตบไฟ 2 นาย ต่อถังฉีดน้ำ 1 นาย จะไม่มีการแยกปฏิบัติงานโดยมีแต่ที่ตบไฟอย่างเดียวทั้งหมด หรือถังฉีดน้ำดับไฟอย่างเดียวทั้งหมด เป็นอันขาด (ภาพที่ 6.3)

 

ภาพที่ 6.3 การจัดหมู่ดับไฟป่าขนาดเล็ก

2. หมู่ดับไฟป่าขนาดใหญ่

ในกรณีที่อุปกรณ์การสื่อสารไม่เพียงพอ จำเป็นต้องประกอบกำลังหมู่ดับไฟป่าขนาดเล็ก 2 หมู่ กลายเป็นหมู่ดับไฟป่าขนาดใหญ่ ทำให้มีกำลังพล 14 นาย โดยแบ่งหน้าที่ดังนี้

- หัวหน้าหมู่ดับไฟป่า 1 นาย

- ผู้ช่วยหัวหน้าหมู่ดับไฟป่า 1 นาย (พร้อมที่ตบไฟ)

- ถังฉีดน้ำดับไฟป่า 4 นาย

- ที่ตบไฟ 8 นาย (พร้อมครอบไฟป่าหรืออุปกรณ์ทำแนวกันไฟอื่นๆ)

ในขณะเข้าปฏิบัติงาน หมู่ดับไฟขนาดใหญ่นี้สามารถกระจายกำลังออกเป็น 4 หมู่ดับไฟย่อย หมู่ย่อยละ 3 นาย ในสัดส่วนที่ตบไฟ 2 นาย ต่อถังฉีดน้ำดับไฟป่า 1 นาย เช่นเดียวกับการจัดหมู่ย่อยของหมู่ดับไฟป่าขนาดเล็ก โดยผู้ช่วยหัวหน้าหมู่ดับไฟป่ามีหน้าที่ช่วยควบคุมการปฏิบัติงานของหมู่ย่อยตามการมอบหมายของหัวหน้าหมู่ดับไฟป่า และเข้าช่วยเสริมการปฏิบัติงานของหมู่ย่อยตามความจำเป็น (ภาพที่ 6.4)

ภาพที่ 6.4 การจัดหมู่ดับไฟป่าขนาดใหญ่

องค์กรดับไฟป่าขนาดใหญ่

โดยทั่วไปไฟป่าที่เกิดในประเทศไทยมักเป็นไฟผิวดิน ที่มีอัตราการลุกลามและความรุนแรงไม่มากนัก ส่วนใหญ่จัดเป็นไฟขนาดเล็ก ซึ่งการดับไฟทำได้โดยการใช้หมู่ดับไฟป่าตั้งแต่ 1-3 หมู่ โดยอาจมีหน่วยสนับสนุน เช่น เครื่องฉีดน้ำดับเพลิงติดรถยนต์ รถบรรทุกน้ำ รถดับเพลิง หรืออากาศยาน เข้าร่วมปฏิบัติงานบ้างในบางครั้ง ก็เพียงพอที่จะควบคุมไฟป่าเอาไว้ได้แล้ว และส่วนใหญ่การควบคุมไฟป่าแต่ละครั้งจะเสร็จสิ้นภายในวันเดียว ดังนั้นการวางแผนดับไฟป่าและการอำนวยการดับไฟป่าดังกล่าวจึงทำได้ง่าย ไม่มีความยุ่งยากสลับซับซ้อนแต่อย่างไร

หากแต่ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ปัญหามลภาวะทางอากาศทำให้ปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect) ทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งมีอิทธิพลทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น (Global Warming) ผลที่ตามมาก็คือเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก (Climatic Change) อันก่อให้ภาวะภัยแล้งบ่อยครั้งขึ้น ประกอบกับรอบการเกิดปรากฏการณ์ เอล นีโญ่ (El Nino) มีความถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ภาวะภัยแล้งที่เกิดขึ้นในปีเอล นีโญ่ แต่ละครั้งมีความรุนแรงมากกว่าปกติ ไฟป่าที่เกิดขึ้นในปีนั้นก็มีความรุนแรงมากอย่างผิดปกติด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เนื่องจากเชื้อเพลิงมีความแห้งจัดมากและเงื่อนไขสภาพอากาศเอี้ออำนวยต่อการลุกลามอย่างรวดเร็วของไฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไฟป่าเกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีเชื้อเพลิงสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก จะทำให้ไฟลุกลามกลายเป็นไฟขนาดใหญ่ได้ในระยะได้เวลาอันสั้น จนกระทั่งเกินขีดความสามารถที่องค์กรดับไฟป่าปกติของพื้นที่นั้นจะควบคุมไฟเอาไว้ได้ ดังเช่นกรณีการเกิดไฟป่าครั้งใหญ่ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งในปี 2537 และ 2541 หรือการเกิดไฟป่าครั้งใหญ่ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ และป่าพรุโต๊ะแดง ในปี 2541 เป็นต้น

ในกรณีดังกล่าวหน่วยควบคุมไฟป่าปกติไม่สามารถจะควบคุมไฟป่าไว้ได้ จำเป็นต้องขอกำลังสนับสนุนจากหน่วยควบคุมไฟป่าข้างเคียง และกำลังคนเพิ่มเติมจากหน่วยราชการต่างๆ ตลอดจนต้องขอการสนับสนุนรถดับเพลิง เครื่องจักรกลหนัก รวมไปถึงอากาศยาน เพื่อช่วยการควบคุมไฟป่า และต้องใช้ระยะเวลานานหลายวันหรือหลายสัปดาห์กว่าที่จะควบคุมไฟป่านั้นเอาไว้ได้

ในกรณีเช่นนี้ คือเมื่อต้องมีการระดมกำลังคนและเครื่องมืออุปกรณ์การดับไฟป่าจำนวนมากเพื่อร่วมปฏิบัติงานดับไฟป่าขนาดใหญ่และจำเป็นต้องปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะทำให้การวางแผนดับไฟป่า การจัดองค์กรดับไฟป่า ตลอดจนการอำนวยการและประสานงานการดับไฟป่ามีความยุ่งยากซับซ้อนมาก หากแต่ก็มีความสำคัญมากด้วยเช่นกัน ดังนั้นในการดับไฟป่าขนาดใหญ่ทุกครั้ง ให้ระลึกไว้เสมอว่า จะต้องมีการวางแผน มีการจัดองค์กร มีการอำนวยการและประสานงานดับไฟป่าที่มีประสิทธิภาพเท่านั้น งานจึงจะประสบผลสำเร็จ หากขาดสิ่งที่ว่าแล้ว ถึงแม้จะมีกำลังคนและยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยจำนวนมากมายมหาศาลเพียงใดก็ตาม ก็จะไม่สามารถควบคุมไฟป่าไว้ได้

การจัดองค์กรดับไฟป่าขนาดใหญ่ จะต้องจัดในรูปของกองอำนวยการดับไฟป่า ซึ่งแบ่งเป็นฝ่ายต่างๆ โดยแต่ละฝ่ายมีหน้าที่ความรับผิดชอบและสายการบังคับบัญชาที่ชัดเจนไม่สับสนและไม่ซ้ำซ้อน ดังนี้ (ภาพที่ 6.5)

1. ฝ่ายแผน

มีหน้าที่ความรับผิดชอบ ดังนี้

กำหนดแผน อันประกอบด้วย

- แผนดับไฟป่า

- แผนจัดหา (กำลังพล อุปกรณ์ เครื่องจักรกล อากาศยาน ฯลฯ)

- แผนส่งกำลังบำรุง

- แผนกู้ภัย

ประสานการปฏิบัติงาน ควบคุมและติดตามสถานการณ์

รวบรวมข้อมูลการรายงานตลอดการปฏิบัติงาน และประเมินผล

2. ฝ่ายปฏิบัติการ

มีหน้าที่ความรับผิดชอบ ดังนี้

2.1 จัดรูปกำลังพล โดยแบ่งหมวดหมู่ดับไฟป่า กำหนดสายการบังคับบัญชาของหมวดหมู่ดับไฟป่าที่มีกำลังพลมาจากที่ต่างๆ คือ

- กำลังหลักจากพนักงานดับไฟป่า (ภาพที่ 6.6)

- กำลังสนับสนุนจากหน่วยราชการต่างๆ

- กำลังสนับสนุนจากอาสาสมัครป้องกันไฟป่า

2.2 จัดหมวดหมู่และสายการบังคับบัญชาของหน่วยเครื่องจักรกล และหน่วยอากาศยาน

2.3 ควบคุมและบังคับบัญชาให้หน่วยปฏิบัติทุกหน่วยปฏิบัติงานไปตามแผนต่างๆ ที่กำหนดไว้

 3. ฝ่ายบริการ

มีหน้าที่ความรับผิดชอบ ดังนี้

3.1 ประสานงานจัดหากำลังพล เครื่องจักรกลหนัก และอากาศยาน ตามที่กำหนดเอาไว้ในแผนจัดหา

3.2 จัดหาและจัดส่งกำลังบำรุงตามแผนส่งกำลังบำรุง ตามรายการต่อไปนี้

- กำลังพลสับเปลี่ยน

- อาหารและน้ำ

- เครื่องมือและอุปกรณ์ดับไฟป่า

- อุปกรณ์การยังชีพและพักแรมในป่า

- เวชภัณฑ์เพื่อการปฐมพยาบาล

3.3 ปฏิบัติงานกู้ภัย ตามแผนกู้ภัยที่กำหนดไว้

 

กองอำนวยการ

ดับไฟป่า

 
               
               

ฝ่ายแผน

 

ฝ่ายปฏิบัติการ

 

ฝ่ายบริการ

- กำหนดแผน

- ประสานงาน และ ประเมินผล

       

- จัดหาและส่งกำลังบำรุง

- ปฐมพยาบาล และกู้ภัย

               

หน่วยภาคพื้นดิน

 

หน่วยเครื่องจักรกล

 

หน่วยอากาศยาน

- กำลังจากพนักงานดับไฟป่า

- กำลังจากหน่วยงานอื่นๆ

- กำลังจากอาสาสมัครป้องกัน

ไฟป่า

- Slip-on Tank

- รถบรรทุกน้ำ

- รถดับเพลิง

- รถแทรกเตอร์

- เฮลิคอปเตอร์

- เครื่องบินปีก

 

ภาพที่ 6.5 การจัดองค์กรดับไฟป่าขนาดใหญ่

ภาพที่ 6.6 กำลังพลหลัก คือพนักงานดับไฟป่า

การจัดองค์กรและแผนดับไฟป่าlแผนระดมพลดับไฟป่าlยุทธศาสตร์การดับไฟป่า