ไม้พุ่ม สูงได้ถึง 5 ม. ใบเรียงเวียน รูปไข่ รูปรี หรือรูปขอบขนาน ยาว 8–16 ซม. แผ่นใบค่อนข้างหนา ก้านใบยาว 3–7 ซม. ดอกออกเป็นกระจุกตามซอกใบ ก้านดอกยาว 5–7 มม. ใบประดับขนาดเล็กรูปสามเหลี่ยม 2 ใบ เชื่อมติดกัน กลีบเลี้ยง 5 กลีบ รูปไข่ ยาวประมาณ 3 มม. ขยายในผล ดอกรูประฆัง สีเขียวอมชมพู หลอดกลีบดอกยาว 4–6 มม. ปลายแยกเป็น 5 กลีบ ขนาดเล็ก ปลายพับงอกลับ เกสรเพศผู้ 10 อัน ก้านชูอับเรณูยาวประมาณ 3 มม. ปลายอับเรณูยื่นยาวคล้ายหลอด มีตุ่มกระจาย จานฐานดอกรูปถ้วย จักตื้น ๆ 10 พู รังไข่เกลี้ยง ก้านเกสรเพศเมียยาว 4–5 มม. ติดทน ผลแห้งแตก เปลือกบาง มีกลีบเลี้ยงสดหุ้ม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 มม. เมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก
พบที่คาบสมุทรมลายู บอร์เนียว สุมาตรา ชวา และฟิลิปปินส์ ในไทยพบทางภาคใต้ตอนล่างที่เบตง จังหวัดยะลา ขึ้นเกาะบนก้อนหินตามที่โล่งบนยอดเขา ความสูง 700–1000 เมตร
สกุล Diplycosia Blume อยู่ภายใต้วงศ์ย่อย Styphelioideae มีประมาณ 100 ชนิด ส่วนใหญ่พบในภูมิภาคมาเลเซีย ในไทยมี 3 ชนิด พบเฉพาะทางภาคใต้ ชื่อสกุลมาจากภาษากรีก “diplos” สองเท่า และ “kos” คลุม ตามลักษณะใบเชื่อมติดกัน
|