ไม้เถา แยกเพศต่างต้น รากออกตามข้อ มีขนกำมะหยี่ตามยอดอ่อน แผ่นใบด้านล่าง ก้านใบ และก้านช่อดอก หูใบรูปใบหอก ร่วงง่าย ใบเรียงเวียน รูปไข่กว้าง เบี้ยวเล็กน้อย ยาว 3.5–4.5 ซม. ปลายแหลม โคนแหลม กลม หรือเว้าตื้น ก้านใบยาว 1–1.5 ซม. เส้นใบข้างละ 3 เส้น ออกใกล้โคนใบ ช่อดอกแบบช่อเชิงลด ออกเดี่ยว ๆ ที่ปลายกิ่งหรือซอกใบ ห้อยลง แกนกลางมีขน ดอกจำนวนมาก ใบประดับรูปโล่ ขนาดประมาณ 0.1 มม. มีก้านสั้น ๆ ติดทน ช่อดอกเพศผู้ยาว 3–5 ซม. ก้านช่อยาว 1–1.5 ซม. ดอกเพศผู้ขนาดเล็ก เกสรเพศผู้ 4–6 อัน ก้านชูอับเรณูสั้น อับเรณูมี 2 ช่อง ช่อดอกเพศเมียสั้นกว่าช่อดอกเพศผู้เล็กน้อย ก้านช่อยาว 1–2 ซม. รังไข่รูปรี ยอดเกสรเพศเมียแยก 3–5 แฉก คล้ายรูปดาว ติดทน มีขน ผลผนังชั้นในแข็ง รูปรี แยกกัน ยาว 2–3 มม. มีเมล็ดเดียว
พืชถิ่นเดียวของไทย พบที่ดอยเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เกาะเลื้อยตามหินปูน ความสูง 1500–2200 เมตร
สกุล Piper L. มีประมาณ 2000 ชนิด ส่วนใหญ่พบในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน ในไทยมีประมาณ 50 ชนิด รวมพืชต่างถิ่น มีหลายชนิดที่เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น พริกไทย P. nigrum L. พลู P. betle L. และ ช้าพลู P. sarmentosum Roxb. ชื่อสกุลมาจากภาษากรีก “peperi” หมายถึงพริกไทย
|