สารานุกรมพืชในประเทศไทย (ฉบับย่อ)
(Concise Encyclopedia of Plants in Thailand)


หมวดตัวอักษร 


Index to botanical names


ค้นหาคำศัพท์
ค้นหาคำศัพท์   

สาวสนม

สาวสนม, สกุล
วันที่ 30 สิงหาคม 2560

Sonerila Roxb.

Melastomataceae

ไม้ล้มลุกหรือไม้พุ่มเตี้ย ลำต้นส่วนมากเป็นสี่เหลี่ยม บางครั้งเป็นปีก ใบเรียงตรงข้าม บางครั้งเรียงชิดกันดูคล้ายเรียงเป็นวงที่ปลายกิ่ง ใบตรงข้ามมีขนาดเท่า ๆ กัน หรือต่างกันอย่างชัดเจน เส้นโคนใบข้างละ 1–4 เส้น หรือเส้นแขนงใบแบบขนนก ช่อดอกแบบวงแถวคู่ (scorpioid cyme) หรือคล้ายช่อซี่ร่ม ออกที่ปลายกิ่งหรือซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ใบประดับขนาดเล็ก ร่วงเร็ว กลีบเลี้ยงและกลีบดอกจำนวนอย่างละ 3 กลีบ ฐานดอกรูปถ้วย เป็นริ้ว กลีบเลี้ยงขนาดเล็กรูปสามเหลี่ยม ติดทน กลีบดอกส่วนมากสีชมพูหรือม่วง เกสรเพศผู้ 3 หรือ 6 อัน อับเรณูสีเหลือง มีรูเปิดที่ปลาย 1–2 รู โคนแฉกลึก รังไข่ใต้วงกลีบ มี 3 ช่อง ก้านเกสรเพศเมียเรียวยาว ยอดเกสรเพศเมียแหลม ผลแห้งแตก เมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก

สกุล Sonerila มีประมาณ 150 ชนิด พบในเอเชียเขตร้อน ในไทยมี 14 ชนิด ชื่อสกุลมาจากภาษามาลายาลัม ในอินเดีย “soneri-la


สาวสนม
วันที่ 30 สิงหาคม 2560

Sonerila griffithii C.B.Clarke

Melastomataceae

ไม้ล้มลุก ลำต้นอวบน้ำสั้น ๆ หรืออยู่ใต้ดิน สูงได้ถึง 10 ซม. บางครั้งมีปีกบาง ๆ มีขนประปรายตามลำต้น แผ่นใบด้านบน ก้านใบ และฐานดอก ใบเรียงตรงข้ามที่โคนต้นคล้ายออกเป็นกระจุก ใบรูปไข่หรือรูปรี ยาว 2.5–8 ซม. ปลายแหลมหรือมน โคนกลม ขอบจักซี่ฟัน มีขนครุย แผ่นใบด้านล่างเกลี้ยง มักมีสีม่วงอมแดง เส้นแขนงใบข้างละ 2–4 เส้น คู่ล่างออกใกล้โคน ก้านใบยาว 0.8–2.5 ซม. ช่อดอกคล้ายช่อซี่ร่ม มี 3–6 ดอก ก้านช่อยาว 4–7 ซม. ก้านดอกยาวประมาณ 3 มม. ฐานดอกรูปขอบขนาน ยาว 4–7 มม. ดอกสีชมพู กลีบรูปรี ยาว 0.7–1.7 ซม. เกสรเพศผู้ 3 อัน อับเรณูยาว 6–9 มม. ผลรูปกรวย ยาว 4–6 มม. เรียบหรือมีสันตื้น ๆ พบที่พม่า และคาบสมุทรมลายู ในไทยพบทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงใต้ และภาคใต้ ขึ้นตามก้อนหินที่เปียกชื้นหรือบนพื้นดิน โดยเฉพาะริมลำธาร ความสูง 300–1700 เมตร

สาวสนม: ใบเรียงตรงข้ามที่โคนต้นคล้ายออกเป็นกระจุก ช่อดอกคล้ายช่อซี่ร่ม (ภาพ: ประทีป โรจนดิลก)

สาวสนมใบเดี่ยว
วันที่ 30 สิงหาคม 2560

Sonerila integrifolia Stapf

Melastomataceae

ไม้ล้มลุกหรือไม้พุ่มเตี้ย สูงได้ถึง 40 ซม. มีขนยาวสีน้ำตาลตามลำต้น ก้านใบ และช่อดอก ใบตรงข้ามขนาดไม่เท่ากันดูคล้ายเรียงเวียน ใบใหญ่รูปใบหอก ยาว 12–20 ซม. ปลายแหลมยาว โคนเรียวจรดก้านใบ เป็นติ่งขนาดเล็ก เบี้ยวเล็กน้อย ขอบเรียบหรือจักเป็นขนแข็งห่าง ๆ มักมีจุดสีขาวเป็นวงกระจาย ใบเล็กรูปไข่กว้าง ยาว 0.5–1 ซม. เส้นใบออกจากโคนข้างละ 2 เส้น เส้นนอกบางคล้ายเส้นขอบใน ก้านใบยาว 1.5–3.5 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจุกสั้น ๆ คล้ายช่อซี่ร่ม ก้านช่อยาว 1–2 ซม. มี 15–20 ดอก ดอกไร้ก้านหรือมีก้านสั้น ๆ มีขนต่อมประปราย ฐานดอกยาว 4–6 มม. มีขนประปราย ดอกสีชมพู กลีบรูปรีหรือรูปขอบขนาน ยาวประมาณ 6 มม. เกสรเพศผู้ 3 อัน อับเรณูยาว 2–3 มม. ผลรูปกรวย ยาว 3.5–5 มม. มีตุ่มเล็ก ๆ กระจาย

พบที่คาบสมุทรมลายูตอนบน และภาคใต้ตอนล่างของไทยที่นราธิวาส ขึ้นตามป่าดิบชื้น ความสูงถึงประมาณ 200 เมตร

สาวสนมใบเดี่ยว: มีขนยาวสีน้ำตาลตามลำต้น และก้านใบ ใบตรงข้ามขนาดไม่เท่ากันดูคล้ายเรียงเวียน ใบรูปใบหอก มักมีจุดสีขาวเป็นวงกระจาย เส้นใบออกจากโคนข้างละ 2 เส้น เส้นนอกบางคล้ายเส้นขอบใน (ภาพ: มานพ ผู้พัฒน์)

สาวสนมดงนาทาม
วันที่ 30 สิงหาคม 2560

Sonerila dongnathamensis Suddee, Phutthai & Rueangr.

Melastomataceae

ไม้ล้มลุก มีหัวใต้ดิน ไม่มีลำต้น สูง 5–10 ซม. มีขนยาวหนาแน่นตามก้านใบ ใบอ่อน และช่อดอก ใบเรียงตรงข้ามที่โคนต้นคล้ายออกเป็นกระจุก รูปไข่กว้าง ยาว 2–7 ซม. ปลายกลม โคนเว้าลึก ขอบจักมนมีขนครุย เส้นใบออกจากโคนข้างละ 1–2 เส้น ก้านใบยาว 5–15 ซม. ก้านช่อยาว 4–16 ซม. มี 5–12 ดอก ก้านดอกยาว 1–4 มม. ฐานดอกยาว 1.5–4 มม. ดอกสีชมพูอมม่วง กลีบรูปรีหรือรูปไข่ ยาว 3–5 มม. ปลายกลีบมีขนแข็งยาว เกสรเพศผู้ 3 อัน อับเรณูยาวประมาณ 5 มม. ผลรูปกรวย ยาว 5–7 มม. ผิวเรียบ

พืชถิ่นเดียวของไทย พบทางภาคตะวันออกที่ผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี ขึ้นหนาแน่นตามหินทรายในป่าเต็งรัง ความสูง 200–250 เมตร

สาวสนมดงนาทาม: มีขนยาวหนาแน่นตามก้านใบ ใบอ่อน และช่อดอก ใบเรียงตรงข้ามที่โคนต้นคล้ายออกเป็นกระจุก ปลายกลม โคนเว้าลึก ก้านใบและก้านช่อยาว ปลายกลีบดอกมีขนแข็งยาว (ภาพ: ธรรมรัตน์ พุทธไทย)



เอกสารอ้างอิง

Renner, S.S., G. Clausing, N. Cellinese and K. Meyer. (2001). Melastomataceae. In Flora of Thailand Vol. 7(3): 482–497.

Suddee, S., T. Phutthai and S. Rueangruea. (2014). Sonerila dongnathamensis (Melastomataceae) a new species from Thailand. Thai Forest Bulletin (Botany) 42: 81–84.