ไม้ล้มลุก สูง 1–2 ม. รากอวบหนา ลำต้นมักมีสีแดงอมม่วง ใบเรียงเวียน รูปรี รูปไข่ หรือแกมรูปขอบขนาน ยาว 6–35 ซม. ก้านใบยาว 1–6 ซม. ช่อดอกแบบช่อกระจะ ออกตามซอกใบหรือปลายกิ่ง โค้งลง ยาวได้ถึง 30 ซม. ก้านช่อยาวได้ถึง 15 ซม. ก้านดอกยาว 6–8 มม. ดอกสีขาวอมเขียวหรือแดง ดอกบานเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6 มม. กลีบรวม 5 กลีบ รูปไข่กว้าง ยาว 2.5–3 มม. ติดทน เกสรเพศผู้มีประมาณ 10 อัน มี 6–12 คาร์เพล เชื่อมติดกันเกินกึ่งหนึ่ง แต่ละคาร์เพลมีออวุลเม็ดเดียว เกสรเพศเมีย 1 อัน ติดทน ผลสดมีหลายเมล็ด กลมแป้น เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.6–1 ซม. สุกสีม่วงดำ เมล็ดรูปเลนส์ ยาวประมาณ 3 มม.
มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาเหนือ เป็นไม้ประดับทั่วไปในเอเชียและยุโรป แยกเป็น var. rigida (Small) Caulkins & R. E. Wyatt ช่อผลสั้น มักตั้งตรง ก้านผลย่อยสั้นกว่าผล มีสรรพคุณด้านสมุนไพรหลายอย่าง โดยเฉพาะเป็นยาระบายและรักษาโรคริดสีดวงทวาร ส่วนต่าง ๆ มีพิษ ใบอ่อนปรุงสุกกินได้ ยอดอ่อนกินได้คล้ายหน่อไม้ฝรั่ง ผลให้สีเข้มในไวน์
สกุล Phytolacca L. มีประมาณ 25 ชนิด พบในอเมริกา ยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย และหมู่เกาะแปซิฟิก ในไทยพบเป็นไม้ประดับชนิดเดียว ชื่อสกุลมาจากภาษากรีก “phyton” พืช และ “lacca” สีน้ำตาลแดง ตามลักษณะสีย้อมที่ได้จากผลสุก
|