กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช  กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 









 

 

 

สะเดา

 

ชื่อวิทยาศาสตร์  Azadirachta  siamensis  Valeton

ชื่อวงศ์  Meliaceae

ชื่อสามัญ   Neem, Nim, Margosa, yepa, Tamaka.

ชื่อทางการค้า   -

ชื่อพื้นเมือง  สะเดาบ้าน (ทั่วไป)  เดา กระเดา (ภาคใต้)  สะเลียม (ภาคเหนือ)


     เป็นไม้ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่  เรือนยอดเป็นพุ่มหนาทึบตลอดปี  ให้ร่มเงาดีมีระบบรากหยั่งลึก  ชอบแสง มีลำต้นสั้น

                        รูปทรง (เรือนยอด)  แผ่กว้างรูปไข่

                        ใบ   สีเขียวเข็มหนาทึบ  ขอบใบหยักเล็กน้อยหรือเกือบเรียบใบเรียงตัวแบบสลับ ใบย่อยเรียงตัวแบบตรงกันข้าม

                        ดอก  เป็นช่อโตตามง่ามใบ ตอนปลายกิ่ง ดอกมีกลีบดอกและกลีบเลี้ยง อย่างละ 5 กลีบ

                                       สี  เทา

                                       กลิ่น  หอมอ่อน ๆ

                                       ออกดอก  ระหว่างเดือน ธ.ค. - มี.ค.

                        ผล  มีลักษณะกลมคล้ายผลองุ่น มีขนาดยาว 1-2 ซม. กว้าง 1 ซม. มีรสหวานเล็กน้อย  ผลลูกสีเหลืองอมเขียว 

                                       ผลแก่  ระหว่างเดือน ธ.ค. - มี.ค.

   
    
ไม้สะเดาพบขึ้นในป่าแล้งทั่ว ๆ ไป ในประเทศอินเดีย ปากีฯ ศรีลังกา อินโด ไทยและพม่า

  การขยายพันธุ์และการผลิตกล้า   การขยายพันธุ์ทำได้ทั้งวิธีแบบไม่อาศัยเพศ ทำได้โดยการขุดหน่อจากราก มาชำในแปลง   และอาศัยเพศทำได้โดยการเพาะเมล็ด 

  ปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการปลูก 

                        ดิน  สามารถขึ้นได้ในสภาพดินที่มีความแห้งแล้ง ดินหิน ดินเหนียว และดินตื้น

                        ความชื้น  -

                        แสง   ต้องการแสงมาก

  การปลูกดูแลบำรุงรักษา    การปลูกกล้าสะเดาที่อยู่ในถุงพลาสติกที่มีอายุค้างปี ยิ่งมีความเหมาะสม  ในการปลูก  การบำรุงรักษา ควรมีดายวัชพืช ใส่ปุ๋ยและลิดกิ่ง

                       การคัดเลือกพื้นที่และเตรียมพื้นที่ปลูก   -

                        วิธีการปลูกและระยะปลูกที่เหมาะสม    จัดเตรียมกล้าไม้ในเรือนเพาะชำแล้วย้ายไปปลูก  การใช้ระยะปลูกถี่หรือห่าง ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์  สำหรับประเทศไทยโดยมากระยะปลูกใช้ระยะ  2 x 2 และ 4 x 4

  โรคและแมลง     อาจจะมีหนอนกัดกินใบของยอดอ่อนบ้าง และในระยะจัดเตรียมกล้าจะมีแมลง เปลี้ยหอยดูดน้ำเลี้ยง จะพบในช่วงฤดูหนาว

  อัตราการเจริญเติบโต    เป็นไม้โตเร็ว  (เป็นไม้ที่มีอัตราการเจริญเติบโตได้ดีมาก)


 

     เปลือกของสะเดามีสารจำพวกน้ำฝาดประมาณ 12-14 %  จากการศึกษาค้นคว้า  ในประเทศอินเดียพบว่าน้ำฝาดที่สกัดจากต้นสะเดาใช้ประโยชน์น้ำฝาดได้ดีกว่าน้ำฝาด ที่ได้จากพืชอื่น น้ำมันที่ได้จากสะเดานิยมใช้ในการทำสบู่ผสมยารักษาโรค และเครื่องสำอาง

                       การเก็บรักษา   -

                       การแปรรูป  นำไปทำเป็นไม้ท่อน และไม้แปรรูปใช้ในการก่อสร้าง และทำเฟอร์นิเจอร์

                       การตลาด  -

                       การบริโภค  -

                       การนำเข้า -

                       การส่งออก  -



                     
การใช้ประโยชน์ทางด้านเนื้อไม้ 
เหมาะสำหรับการก่อสร้าง เช่น ทำเสาบ้าน ฝาบ้าน คาน และทำเฟอร์นิเจอร์

                      การใช้ประโยชน์ทางด้านนิเวศน์  ปลูกเป็นแนวกันลม ให้ร่มเงา ให้ความร่มรื่น

                      การใช้ประโยชน์ทางด้านภูมิสถาปัตย์  ใบและดอกสามารถใช้ประกอบอาหารได้

                      การใช้ประโยชน์ทางด้านโภชนาการ  -

                      การใช้ประโยชน์ทางด้านสมุนไพร   เป็นยารักษาโรคได้หลายอย่าง 1. เปลือกรากเปลือกต้นและผลอ่อน เป็นยาเจริญอาหารแก้ไข้มาลาเรีย 2. เปลือกรากเป็นยาสมานแผล แก้บิด 3. ก้านใบผสมกับสมุนไพรชนิดอื่นแก้ไข้ 4. ใบเป็นยา พอกฝี 5. ใบเมล็ดเป็นยาฆ่าแมลงฆ่าเชื้อ 6. ใบอ่อนและดอกเป็น ยาช่วยเจริญอาหารและช่วยย่อยอาหาร 7. ดอกแก้พิษเลือดกำเดา บำรุงธาตุ 8. ผลแก้โรคหัวใจ 9. รากแก้ลมเสมหะที่แน่นในอก และจุกคอ 10. ยางดับพิษร้อน 

 
    
ในประเทศไทยไม้สะเดาจะขึ้นได้ในดินทุกสภาพพื้นที่แม้กระทั่งพื้นที่แห้งแล้งที่เป็นดินลูกรัง  น้ำไม่ท่วมพื้นที่ที่ฝนตกชุกสะเดาจะเติบโตไม่ดี น้ำท่วมขังสะเดาจะตายได้