กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช  กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 









 

 

 

รัง

 

ชื่อวิทยาศาสตร์   Shorea siamensis Miq.

ชื่อวงศ์  Dipterocarpaceae

ชื่อสามัญ   รัง

ชื่อทางการค้า   -

ชื่อพื้นเมือง  เปา, เปาดอกแดง (ภาคเหนือ) รัง (ภาคกลา่ง) เรียง, เรียงพนม (เขมร,สุรินทร์) ลักป้าว (ละว้า-เชียงใหม่) ฮ้ง (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)


     เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 20 ม. ผลัดใบ เปลือก ลำต้นสีเทาแตกเป็นร่องลึก ตามยาวของลำ้ต้น ลำต้นเปลาตรง

                        รูปทรง (เรือนยอด)  เป็นพุ่มโปร่ง  

                        ใบ   ใบเดี่ยว เรียงสลับ ใบรูปไข่ โคนใบหยักเว้าเป็นรูปหัวใจ ปลายใบค่อนข้างมน เนื้อใบค่อนข้างหนาเกลี้ยง ขอบใบเรียบหรือเป็นคลื่นบ้าง ใบแก่ก่อนร่วงมีสีเหลือง, ส้ม ถังแดง  

                        ดอก  ออกเป็นช่อแยกแขนงเป็นพวงโต เหนือรอยแผลใบตามบริเวณปลายกิ่ง กลีบดอกจะเวียนบิดเป็นรูปกังหัน ปลายกลีบม้วนซ้อนเข้า หลุดร่วงง่าย

                                       สี  เหลืองอ่อน

                                       กลิ่น   หอมอ่อนๆ

                                       ออกดอก  มี.ค.-เม.ย.

                        ผล  ผลรูปกระสวย หรือรูปไข่เล็กๆ แข็ง มีปีกยาวๆ รูปใบพาย มีปีกยาว 3 ปีก ยาวถึง 10 ซม. ปีกสั้น 2 ปีก โคนปีกทั้ง 5 ปีก จะห่อหุ้มตัวผลมีเส้นปีกตามยาวตั้งแต่ 7 เส้นขึ้นไป  

                                       ผลแก่  เม.ย.-พ.ค. 

 
       
รังเป็นพันธุ์ไม้ที่พบได้ทั่วไปตามป่าเต็งรัง หรือป่าเบญจพรรณแล้งบ้าง เป็นพันธุ์ไม้ที่ทนทานต่อความแห้งแล้งและไฟป่าได้ดี ขึ้นได้ในสภาพดินที่ตื้นมากหรือดินลูกรัง

  การขยายพันธุ์และการผลิตกล้า เพาะเมล็ด หรือปักชำไหลที่งอกมาจากรากของต้นแม่ สำหรับการเพาะชำเมล็ดควรใช้เมล็ดที่แก่ แต่ยังไม่ร่วงหรือเพิ่งร่วงลงพื้น เพราะจะทำให้มีอัตราการงอกสูง (ซึ่งเป็นลักษณะโดยทั่วไปของพันธุ์ไม้วงยาง (Dipterocarpaceae))

  ปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการปลูก   

                        ดิน    ทุกชนิดที่มีการระบายน้ำดี

                        ความชื้น    ปานกลาง-น้อย

                        แสง   มาก

  การปลูกดูแลบำรุงรักษา   

                       การคัดเลือกพื้นที่และเตรียมพื้นที่ปลูก   -

                        วิธีการปลูกและระยะปลูกที่เหมาะสม     -

  โรคและแมลง     -

  อัตราการเจริญเติบโต    -

 

                       การเก็บรักษา   -

                       การแปรรูป  

                       การตลาด  -

                       การบริโภค  -

                       การนำเข้า -

                       การส่งออก  -



                     
การใช้ประโยชน์ทางด้านเนื้อไม้  
เนื้อไม้ค่อนข้างแข็งนิยมนำมาทำสิ่งปลูกสร้างที่ต้องการความแข็งแรงและรับน้ำหนักมากๆ เช่น ทำพื้น รอด ตง คาน เสา และทำส่วนประกอบของยานพาหนะ และด้ามเครื่องมือการเกษตรต่างๆ 

                      การใช้ประโยชน์ทางด้านนิเวศน์   -

                      การใช้ประโยชน์ทางด้านภูมิสถาปัตย์  -

                      การใช้ประโยชน์ทางด้านโภชนาการ  -

                      การใช้ประโยชน์ทางด้านสมุนไพร   -

                       การใช้ประโยชน์ทางด้านอื่นๆ   ชันผสมน้ำมันยาง ใช้ยาแนวเรือ หรือเครื่องจักสานต่างๆ

   -