
ชื่อวิทยาศาสตร์
Cotylelobium melaoxylon Pierre
ชื่อวงศ์ Dipterocarpaceae
ชื่อสามัญ
เคี่ยม
ชื่อทางการค้า
Resak tembaga
ชื่อพื้นเมือง เคี่ยมขาว เคี่ยมดำ
เคี่ยมแดง (ภาคใต้)

ไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่
สูง 20-40 ม. ลำต้นตรง
เปลือกเรียบสีน้ำตาลเข้ม
มีรอยด่างสีเทาและเหลืองสลับ
มีต่อมระบายอากาศกระจายทั่วไป
เปลือกในสีน้ำตาลอ่อน
มีชันใสตามลำต้นที่เกิดบาดแผลและจับเป็นก้อนสีเหลืองเมื่อทิ้งไว้นานๆ
รูปทรง (เรือนยอด)
เป็นพุ่มทึบลักษณะเป็นรูปเจดีย์ต่ำ
ๆ
ใบ ใบมน
หรือรูปไข่ ขนาด 2-5x5-18 ซม. เนื้อใบหนา
ปลายใบสอบเรียวหรือหยักเป็นติ่ง
โคนใบมนหลังใบเรียบเป็นมัน
ท้องใบมีขนสีน้ำตาลปนเหลืองเป็นกระจุก
ดอก ออกเป็นช่อยาวๆ
ตามปลายกิ่งและง่ามใบ
กลีบรองกลีบดอกและกลีบดอกอย่างละ
55
ตามยอดดอกมีขนสีน้ำตาลสั้นๆ
สี สีขาว
กลิ่น หอมอ่อน
ออกดอก
ระหว่างมกราคม-มีนาคม
ผล กลมเล็กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ
0.7
ซม. มีขนนุ่มคลุมปีกยาง
1 คู่
ปลายปีกมนเรียวสอบมาทางโคน
มีเส้นตามยาว 5 เส้น
ปีกสัน 3 ปีก รูปหอก
ยาวประมาณ 1 ใน 3
ผลแก่ ติดผลระหว่าง
กุมภาพันธ์-เมษายน
มีขึ้นอยู่ตามป่าดงดิบในภาคใต้
ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป
ที่สูงจากระดับน้ำทะเล 10-100 เมตร
ภาคใต้ของพม่าลงไปถึงภาคเหนือของมาเลเซีย
และประเทศอินโดนีเซีย

การขยายพันธุ์และการผลิตกล้า
โดยการเพาะเมล็ดไม้เคี่ยมมีปีก
2 ปี
ขนาดใกล้เคียงกับไม้ตะเคียนทอง
จะสูญเสียความมีชีวิตง่ายและสั้นประมาณ
30 วัน
ควรเก็บเมล็ดแก่จากบนต้นแม่มาทำการเพาะ
เมล็ดที่เก็บมาในช่วง
6-15 วัน
จะให้ผลการงอกสูงสุด
ปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการปลูก
-
ดิน
ดินร่วน-ดินร่วนปนทราย
มีการระบายน้ำดี
และมีค่าความเป็นกรดเป็นด่าง
4.2-4.5
ความชื้น
ชื้นสูง
แสง
ชอบแสง
แต่ในระยะแรกของการปลูกปี 1-2
ต้องการแสงประมาณ 70-75%
การปลูกดูแลบำรุงรักษา
-
การคัดเลือกพื้นที่และเตรียมพื้นที่ปลูก ตามธรรมชาติจะพบขึ้นอยู่เป็นกลุ่มๆ
ตามเชิงเขาและที่ราบเชิงเขา
สูงจากระดับน้ำทะเล 10-100 ม.
ชอบดินร่วนปนทรายที่มีการระบายดี
มีค่าความเป็นกรด-ด่าง
4.2-4.5
การเตรียมพื้นที่ปลูกต้องการความละเอียด
มีการไถพรวน ในช่วงปี
1-2 ของการปลูก
อาจให้ร่มเงาแก่กล้าไม้ที่ปลูก
โดยใช้วิธีปลูกพืชเกษตรควบหรือปลูกไม้โตเร็วพืชตระกูลให้ร่มเงา
วิธีการปลูกและระยะปลูกที่เหมาะสม ขนาดของกล้าที่เหมาะสมในการปลูก
ควรมีอายุไม่ต่ำกว่า 1
ปี
เนื่องจากกล้าไม้ที่มีอายุต่ำกว่า
1 ปี จะมีเปอร์เซนต์การรอดตายต่ำมาก
ขนาดของหลุมในการปลูก 30x30x30-50x50x50
ซม.3
มีการใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยวิทยาศาสตร์รองก้นหลุม
ส่วนระยะปลูกที่เหมาะสมในการปลูกเริ่มแรกควรปลูกระยะ
4x4, 5x5, 6x6 และ 8x8 เมตร
และมีการตัดสางขยายรยะตามเวลาที่สมควร
โดยมีระยะปลูกครั้งสุดท้ายเป็น
10x10
หรือ 12x12 หรือ 16x16
เมตร
โรคและแมลง -
อัตราการเจริญเติบโต
ช้า-ค่อนข้างช้า
ในช่วงอายุ 1-3 ปี
หลังจากปลูกจะมีการเจริญเติบโตทั้งทางด้านเส้นผ่าศูนย์กลางและความสูงค่อนข้างช้า
แต่หลังจากอายุ 3 ปีขึ้นไป
อัตราการเจริญเติบโตจะมีการเพิ่มมากขึ้น
ดังจะเห็นจากตารางที่ 1
แสดงไว้ในตารางข้างล่าง
การเก็บรักษา
-
การแปรรูป
-

การตลาด -
การบริโภค -
การนำเข้า -
การส่งออก -

การใช้ประโยชน์ทางด้านเนื้อไม้
เนื้อไม้สีน้ำตาลหรือสีน้ำตาลอ่อน
ทิ้งไว้นานเป็นสีน้ำตาลแก่หรือน้ำตาลแก่เกือบดำ
เสี้ยนค่อนข้างสน
เนื้อละเอียด แข็ง
เหนียวหนักและแข็งแรงมาก
เลื่อยไสกบตบแต่งไม่ยาก ใช้ในน้ำได้ทนทานดี
ไม้สดจะบิดและแตกง่าย
เนื้อไม้มีความถ่วงจำเพาะ 0.98
มีความแข็งประมาณ 992 กก. ความแข็งแรงประมาณ
1,489 กก./ซม2
และความเหนียว 4.01 กก.-ม3
เหมาะใช้ทำไม้พื้น เสาเรือน รอด ตง อกไก่
และเครื่องบนที่ต้องการความทนทานและแข็งแรง
และเสาโป๊ะ เสาเรือใบ
ทำไม้หมอนรถไฟ
ทำกระดานพื้นและสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ
ที่ต้องตากแดดตากฝน รวมทั้งทำลูกประสัก
เรือเดินทะเล แจวพาย กรรเชียง
ครก สาก กระเดื่อง
ทำล้อเกวียน ตัวถังรถ
ด้ามเครื่องมือฯ
การเลื่อยตบแต่งควรทำในขณะที่ยังสดอยู่
นอกจากนี้เปลือกใช้ทุบผสมกับชันใช้ยาเรือ
ชันเคียมใช้ผสมนำมันทาไม้
นำมันขัดเงา
การใช้ประโยชน์ทางด้านนิเวศน์
ใช้เป็นดรรชนีชี้พื้นที่ดินว่าเหมาะต่อการทำเกษตรและที่อยู่อาศัย
การใช้ประโยชน์ทางด้านภูมิสถาปัตย์
ปลูกเป็นกลุ่มตามสวนสาธารณะและพื้นที่ใกล้ทะเล
การใช้ประโยชน์ทางด้านโภชนาการ -
การใช้ประโยชน์ทางด้านสมุนไพร
เปลือกใช้เป็นยาชะล้างบาดแผล
ห้ามเลือด บาดแผลสด และให้น้ำฝาดชนิด Pyrogallol และ
Cztechol ชันใช้เป็นยาสมานแผลและแก้ท้องร่วง

|