
ชื่อวิทยาศาสตร์
Irvingia
malayana Oliv.ex A. w. Benn.
ชื่อวงศ์ Irvingiaceae
ชื่อสามัญ
กระบก
ชื่อทางการค้า
-
ชื่อพื้นเมือง กะบก จะบก ตระบก
( ภาคกลาง)
จำเมาะ (เขมร)
ชะอัง (ชอง-ตราด)
บก
หมากบก (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)
มะมื่น มื่น
(ภาคเหนือ)
มะลื่น หมักลื่น(สุโขทัย
นครราชสีมา) หลักกาย
(ส่วย-สุรินทร์)

เป็นไม้ต้นขนาดกลาง-ขนาดใหญ่
สูง 10 30 เมตร
ผลัดใบใช้ช่วงสั้นจะแตกใหม่ในเวลารวดเร็ว
ลำต้นเปลาตรง โคนมักเป็นพูพอน
เปลือกสีเทาแกมน้ำตาล
ค่อนข้างเรียบหรือแตกเป็นสะเก็ด
รูปทรง (เรือนยอด) เรือนยอดเป็นพุ่มทรงสูง กลมหรือกลมรี ๆ
แน่นทึบ
ใบ เป็นชนิดใบเดี่ยว
ติดเรียงสลับ
ขนาดกว้าง
2.5-9 ซม. ยาว 8-20 ซม.
ดอก มีขนาดเล็ก
มีขนนุ่ม
ออกดอกรวมกันเป็นช่อโต
ตามปลายกิ่งกลีบดอกจะยาวประมาณ
3
เท่าของกลีบฐานดอก
สี ขาวอมเขียวอ่อนๆ
กลิ่น -
ออกดอก
ระหว่างเดือนมกราคม
- มีนาคม
ผล กลมรี ๆ หรือป้อม
ออกสีเหลือง มีเนื้อเละ
ๆ หุ้มเมล็ดพอควร
เปลือกหุ้มเมล็ดแข็งมาก
ผลแก่ ติดผลระหว่างเดือนกุมภาพันธ์
- เมษายน
เป็นไม้เบิกนำสามารถขึ้นได้ดีในป่าดิบชิ้น
ป่าดงดิบแล้ง ป่าชายหาด
ป่าเบญจพรรณชื้น
ป่าเต็งรัง
ที่สูงจากระดับน้ำทะเล 100 -
300 เมตร ในต่างประเทศพบในภูมิภาคอินโดจีนและมาเลเชีย

การขยายพันธุ์และการผลิตกล้า
โดยวิธีการเพาะเมล็ด
เนื่องจากเปลือกหุ้มเมล็ดแข็งมาก
ก่อนเพราะอาจช่วยการงอกด้วยการตัดหัวท้ายของเมล็ดหรือขลิบตามร่อยแยกของเมล็ด
ปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการปลูก
ดิน ในสภาพธรรมชาติขึ้นได้ดีบนดินร่วน
ดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี
และมีสภาพเป็นกรด
ความชื้น
ชอบความชื้นปานกลาง
- มาก
แสง ชอบแสง
การปลูกดูแลบำรุงรักษา
การคัดเลือกพื้นที่และเตรียมพื้นที่ปลูก พื้นที่ปลูกไม่ควรเป็นที่ลุ่มมีน้ำขัง
ดินเป็นดินร่วน-ดินร่วนปนทราย
มีการระบายน้ำดี
ปริมาณน้ำฝนประมาณ 1,000 มม.
ขึ้นไป การเตรียมพื้นที่จัดเตรียมค่อนข้างละเอียดและมีการไถพรวน
วิธีการปลูกและระยะปลูกที่เหมาะสม
กล้าที่ใช้ปลูกควรเป็นกล้าค้างปี
ขนาดของหลุมที่ขุดปลูก
30x30x3050x50x50
ซม. ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยวิทยาศาสตร์รองก้นหลุมส่วนระยะปลูกที่เหมาะสม
4x4, 4x6, 4x8, 6x6,
และ 8x8 เมตร
ในช่วงระยะปลูกแรกๆ
ใช้พืชเกษตรปลูกควบตามระบบวนเกษตร
เมื่อต้นไม้เจริญเติบโตมีการแก่งแย่ง
ควรมีการตัดสางขยายระยะจนเหลือระยะปลูก
8x8 หรือ 12x12 หรือ
16x16 ม.
โรคและแมลง
-
อัตราการเจริญเติบโต
ปานกลาง
การเก็บรักษา
-
การแปรรูป -

การตลาด ในอดีตเป็นไม้เบญจพรรณชนิดหนึ่งที่ได้มีการนำมาแปรรูปและใช้ในการก่อสร้างเป็นที่ต้องการของตลาด
แต่ปัจจุบันรัฐบาลได้ปิดป่าไม่มีการนำไม้ออก
จึงไม่มีตัวเลขการค้าไม้ชนิดนี้
การบริโภค น้อยมาก
การนำเข้า -
การส่งออก -

การใช้ประโยชน์ทางด้านเนื้อไม้
เนื้อไม้แข็งและหนัก
แก่นสีเทาปนน้ำตาล
มีสารจำพวกทรายอยู่มาก
เสี้ยนตรงแข็งมาก
แต่เลื่อยผ่าตบแต่งง่าย
ไม่ทนในที่แจ้ง
มีค่าความถ่วงจำเพาะประมาณ
1.04 เนื้อไม้มีค่าความแข็ง
1,360 กก.
ความแข็งแรงประมาณ 1,503
กก./ซม2 และความเหนียวประมาณ
2.79 กก.-ม
สำหรับเนื้อไม้เหมาะใช้ทำฟืน
ถ่าน ทำเครื่องกสิกรรม
เช่น ครก
สาก เครื่องสีข้าว และสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ในร่มได้ดี
การใช้ประโยชน์ทางด้านนิเวศน์
ผลสุกของกระบก
สัตว์ป่าพวกเก้ง
กวาง ตลอดจนพวกนกต่าง
ๆ ชอบกินเป็นอาหาร
สัตว์เหล่านี้จะช่วยพาเมล็ดไปงอกที่ไกล
ๆ
ในการช่วยแพร่พันธุ์ได้เป็นอย่างดี
การใช้ประโยชน์ทางด้านภูมิสถาปัตย์
เหมาะปลูกเป็นกลุ่มในพื้นที่โล่งตามสวนสาธารณะ
สวนรุกขชาติหรือสวนสัตว์เปิดให้เป็นที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารของนกและสัตว์ป่า
การใช้ประโยชน์ทางด้านโภชนาการ เนื้อในเมล็ดใช้รับประทานได้
น้ำมันจากเมล็ดใช้ทำอาหาร
น้ำมันจากเมล็ด
สบู่
และเทียนไข
การใช้ประโยชน์ทางด้านสมุนไพร

|