|
โครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
( อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ )
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า
และพันธุ์พืช
|
::
ความเป็นมา :: |
|
โครงการศิลปาชีพบ้านห้วยสะแพดจัดตั้งขึ้น
ในปี 2538 ด้วยน้ำพระราชหฤทัยของสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาท ที่จะช่วยเหลือราษฏรในพื้นที่โครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิง
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอจอมทอง อำเภอฮอด
จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน
ซึ่งได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2527 ถึงปี 2537 แต่ราษฏรยังคงประสบปัญหาความยากจนอยู่
เนื่องจากสภาพดินฟ้าอากาศแห้งแล้ง
ปริมาณน้ำฝนมีไม่เพียงพอต่อความต้องการในการเพาะปลูก
และสภาพดินในพื้นที่มีคุณภาพต่ำ โครงการศิลปาชีพของของสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาท
จึงได้จัดตั้งขึ้นเพื่อพระราชทานความช่วยเหลือราษฏรที่มีฐานะยากจน
เพื่อให้มีรายได้เสริมให้พอเพียงต่อการยังชีพ
สำหรับโครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิง
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอจอมทอง อำเภอฮอด
จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน
มีความเป็นมาโดยสังเขปดังนี้ ในปี 2526 ม.จ.จักรพันธ์เพ็ญศิริ
จักรพันธ์
ได้เสด็จมาตรวจเยี่ยมศูนย์บริการการพัฒนาขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ผลบ้านไร่
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งอยู่ในความ
ดูแลของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ได้เข้ามาดำเนินการทดลองเพาะปลูก ดอกแกลดิโอรัส และ
พืชพันธุ์ไม้อื่น ๆ ในเขตพื้นที่ บ้านโรงวัว หมู่ที่ 5
ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ได้พบว่า
ราษฎรในพื้นที่โครงการฯ มีความเป็นอยู่ที่ยากจน
และได้มีราษฎรเข้ามาร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาที่ทำกิน
จึงได้นำปัญหาความเดือดร้อนของราษฎร ดังกล่าวกราบบังคมทูล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ทรงทราบเพื่อพระราชทานความช่วยเหลือ |
|
|
::
พระราชดำริ
:: |
|
เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2527 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ได้เสด็จ พระราชดำเนินเยี่ยมราษฎร และทอดพระเนตรอ่างเก็บน้ำแม่เรียง
ในท้องที่ตำบลสบปราบ อำเภอสบปราบ จังหวัดลำปาง ได้มีพระราชดำริ
กับแม่ทัพภาคที่ 3 และอธิบดีกรมชลประทาน
เกี่ยวกับโครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิงฯ ดังนี้
ควรพิจารณาวางโครงการ และก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ ตามลำน้ำสาขาต่าง ๆ
ของแม่น้ำปิง ในเขตอำเภอจอมทอง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอบ้านโฮ่ง
จังหวัดลำพูน ตามที่ทรงวางโครงการในระยะแรก จำนวน 13 อ่าง
เพื่อจัดหาน้ำให้กับพื้นที่เพาะปลูกเดิมของราษฎรหมู่บ้านต่าง ๆ
และพื้นที่ป่าละเมาะที่จะบุกเบิกเป็นพื้นที่ทำกิน
เพื่อจัดสรรให้กับราษฎรเข้าทำกินต่อไปรวมพื้นที่ประมาณ 40,000 ไร่
สามารถมีน้ำทำการเพาะปลูก และมีน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค
สำหรับหมู่บ้านต่าง ๆ ดังกล่าวตลอดปี
นอกจากนั้นยังจะมีน้ำไว้ช่วยส่งเสริมการพัฒนาทางด้านปศุสัตว์ การประมง
การเกษตร และการอุตสาหกรรม ในพื้นที่การพัฒนาการเกษตรประมาณ 66,000 ไร่
ได้อีกด้วยส่วนพื้นที่ต้นน้ำลำธารเหนืออ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ขึ้นไป
มีพื้นที่ประมาณ 104,00 ไร่ จะใช้พื้นที่พัฒนาป่าไม้ ปลูกไม้สามอย่างคือ
ไม้ฟืน ไม้ผล และไม้ใช้สอย เพื่อเป็นการอนุรักษ์น้ำ
ลำธารของอ่างเก็บน้ำต่าง ๆ ดังกล่าวการดำเนินงานตามโครงการฯ
ในระยะแรกนี้ให้แม่ทัพภาคที่ 3
เป็นผู้ประสานงานกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ต่อไป
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2528
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จ พระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร,
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี
และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์
ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตร
การดำเนินงานตามโครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิง
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และทรงเยี่ยมเยือนราษฎร บ้านห้วยม่วงฝั่งซ้าย
บ้านห้วยปุ๊ ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้มีพระราชดำริการพัฒนาของโครงการฯ
ไว้ดังต่อไปนี้ -
การพัฒนาตามโครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิง อันเนื่องมาจาก
พระราชดำริ ควรพิจารณาแบ่งพื้นที่พัฒนา ออกเป็นแนวเขตดังต่อไปนี้
แนวที่ 1 ควรพิจารณากำหนดพื้นที่ตอนบน
เป็นแนวต้นน้ำลำธารอย่างเคร่งครัด โดยให้กรมชลประทานพิจารณาวางโครงการ
และก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กปิดกั้นลำห้วยสาขาของห้วยม่วง ห้วยสะแพด
ห้วยยอน และลำห้วยต่าง ๆ ตามความเหมาะสม
ในลักษณะเช่นเดียวกันกับอ่างเก็บน้ำห้วยม่องตอนบน
และอ่างเก็บน้ำห้วยปุ๊ตอนบน ทั้งนี้เพื่อจัดหาน้ำให้กับพื้นที่
เพาะปลูกของราษฎร ในเขตหมู่บ้านที่อยู่ตามแนวเชิงเขา ซึ่งได้แก่
บ้านห้วยม่วง บ้านห้วยปุ๊ บ้านห้วยส้ม และบ้านห้วยสะแพด
เพื่อจัดหาน้ำสนับสนุนอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่บริเวณตอนล่างด้วย
สำหรับพื้นที่ป่าต้นน้ำในเขตพื้นที่ตอนบนนี้ ต้องห้ามไม่ใช้ราษฎรเข้าทำกิน
อาจพิจารณาสร้างแนวถนนให้ชัดเจน
บริเวณใดที่เป็นป่าเสื่อมโทรมให้กรมป่าไม้พิจารณาเร่งรัดการปลูกป่า เช่น
บริเวณพื้นที่ขอบอ่างหรือตามแนวท่อส่งน้ำและให้พิจารณาวางโครงการยกระดับน้ำจากอ่างเก็บน้ำตอนบนเพื่อส่งน้ำในพื้นที่ตามไหล่เขาและยังช่วยสนับสนุนการปลูกป่าที่อยู่เหนือระดับส่งน้ำด้วย
แนวที่ 2
ควรพิจารณากำหนดพื้นที่ตอนกลางบริเวณตามแนวเชิงเขา
ซึ่งมีหมู่บ้านห้วยม่วงฝั่งซ้าย บ้านห้วยปุ๊ บ้านห้วยส้ม และบ้านห้วยสะแพด
ตั้งอยู่เป็นแนวเขตพื้นที่ที่จะต้อง พัฒนาราษฎร
ยกระดับความเป็นอยู่ของหมู่บ้านต่าง ๆ เหล่านี้ให้ดียิ่งขึ้น
เพื่อเป็นแนวเขตป้องกันการบุกรุกป่า ต้นน้ำลำธารจากบุคคลภายนอกด้วย ทั้งนี้
เนื่องจากข้อเท็จจริงปรากฎว่า
ราษฎรที่ตั้งบ้านเรือนและทำกินอยู่บริเวณพื้นที่ตามแนวเชิงเขา
มีข้อจำกัดทั้งด้านพื้นที่ทำกินและความแห้งแล้ง
การเพาะปลูกประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำมาโดยตลอด
นอกจากนั้นยังได้ทรงพิจารณาเห็นว่า ระบบโครงสร้างทางสังคมของชุมชนดังกล่าว
เป็นโครงสร้างของสังคมแบบดั้งเดิม มีลักษณะเป็นชุมชนที่มีความใกล้ชิด
มีการช่วยเหลือจุนเจือซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี
มีรากฐานของการจัดการสังคมสงเคราะห์ของตนเองที่เห็นได้ชัด เช่น
การแบ่งปันข้าวให้กับผู้ขาดแคลนบริโภค ในรูปแบบของธนาคารข้าวพื้นบ้าน
นอกจากนั้นยังมีการแบ่งปันรายได้จากการขายวัว เมื่อมีปัญหา
การขาดแคลนข้าวเกิดขึ้น
ซึ่งก็เป็นรากฐานการจัดระบบธนาคารโคพื้นบ้านด้วยเช่นกัน ดังนั้น
การพัฒนาในหมู่บ้านดังกล่าว จึงควรกระทำด้วยความระมัดระวัง
ให้พยายามรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมให้คงไว้ให้มากที่สุด
ถึงแม้ว่าสภาพการทำมาหากินในปัจจุบันบางฤดู
ราษฎรจำเป็นต้องไปประกอบอาชีพรับจ้างนอกหมู่บ้าน
แต่เมื่อมีการพัฒนาทางด้านแหล่งน้ำ
และพื้นที่ทำกินแล้วก็จะเป็นส่วนทำให้ราษฎรมีงานทำในท้องถิ่นมากขึ้น
ถึงกระนั้นก็ตามหน่วยงานทางราชการ ได้แก่ กรมชลประทาน กรมป่าไม้
หรือหน่วยงานอื่น ๆ ควรพิจารณาว่าจ้างแรงงานให้ราษฎรได้มีรายได้
ภายในท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง
และต้องพยายามทำทุกอย่างให้ราษฎรรักและหวงแหนพื้นที่และ
รักษาป่าไม้สำหรับลำห้วยปุ๊และลำห้วยม่วง ที่บริเวณบ้านห้วยปุ๊และห้วยม่วง
ให้กรมชลประทาน พิจารณาวางโครงการก่อสร้างฝายทดน้ำขนาดเล็กสำหรับหาน้ำ
ช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกของหมู่บ้านทั้งสอง เพื่อการทำนาในฤดูฝน
ส่วนพื้นที่ทำกินยังพอมีพื้นที่ที่เหมาะสม อยู่บ้าง ควรค่อย ๆ
พิจารณาขยายให้พอเพียงใหม่แต่ละชุมชนที่มีความพร้อม โดยให้กรม ชลประทาน
และกรมพัฒนาที่ดิน ร่วมกันพิจารณาสำรวจ และวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดิน
วางระบบการส่งน้ำในพื้นที่ไร่นาแบบง่าย ๆ ให้ราษฎรมีส่วนร่วมด้านแรงงานด้วย
และให้พิจารณาวางโครงการสร้างบ่อน้ำเล็ก ๆ ใกล้แปลงเพาะปลูกไว้ให้วัว
ส่วนในเรื่องที่ราษฎรของพระราชทานวัวพันธุ์ดีนั้น
ให้ทางจังหวัดเชียงใหม่พิจารณาศึกษาสภาพพื้นที่
ทั้งในเรื่องของการจัดหาแหล่งหญ้า และการขยายพันธุ์วัวให้แก่ราษฎรต่อไป
แนวที่ 3 เป็นพื้นที่ตอนล่าง
มีพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากระบบชลประทาน เป็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะบริเวณที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หรือพื้นที่รกร้างว่างเปล่า
ในความดูแลของทางราชการ ก็ควรค่อย ๆ ดำเนินการพัฒนาไปตามความเหมาะสม สำหรับ
แนวทางการจัดสรรที่ดินทำกินควรพิจารณาจัดสรรที่ดินเป็นลักษณาสัมปทานรูปแบบพิเศษ
ให้เช่าพื้นที่ทำกินแบบคล้ายการดำเนินงานในรูปนิคม
โดยมอบหมายให้จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน และกองทัพภาคที่ 3
ร่วมกันรับผิดชอบ
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2528
ด้วยเหตุที่การดำเนินการพัฒนาโครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิง
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
เป็นศูนย์พัฒนาบริการสาขาของศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ
ดังนั้นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการขยายงาน การส่งเสริม การปลูกพืชมะคาเดเมีย
ให้แก่ราษฎรในพื้นที่โครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิงฯ จึงได้มี
พระราชดำริให้กรมวิชาการเกษตรพิจารณาด้วยว่า
พืชมะคาเดเมียเป็นพืชที่ต้องการน้ำพอควร
จึงควรได้ศึกษาในรายละเอียดเสียก่อนกล่าวคือ
ปัญหาที่สำคัญดั้งเดิมของราษฎรในเขตพื้นที่ของโครงการฯ ก็คือ
ปัญหาการขาดแคลนน้ำ และมีการปลูกพืชเศรษฐกิจระยะสั้น
เพื่อการดำรงชีพเป็นหลัก
แต่ก็ประสบปัญหาความแห้งแล้งในฤดูเพาะปลูกมาโดยตลอด
การที่จะส่งเสริมการปลูกพืช มะคาเดเมียเป็นพืชยืนต้น
และต้องใช้เวลาอีกประมาณ 5-6 ปี
จึงจะเริ่มให้ผลในขณะเดียวกันราษฎรต้องการปลูกพืชระยะสั้น
เพื่อการดำรงชีพประจำวัน
ประกอบกับปริมาณน้ำชลประทานที่จัดสร้างขึ้นมีปริมาณค่อนข้างจำกัด
จึงเป็นเรื่องที่จะต้องศึกษาในรายละเอียดให้รอบคอบ
และทำแผนปฏิบัติการเสียก่อน และขอให้พิจารณาร่วมกันกับกรมชลประทาน
และกรมพัฒนาที่ดินต่อไป
เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2536 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ได้มีพระราชดำริแก่ เลขาธิการสำนักงาน กปร. และอธิบดีกรมชลประทาน
เกี่ยวกับงานชลประทาน ณ พระตำหนัก ภูพิงคราชนิเวศน์ ดังนี้
ควรพิจารณานำแนวทางการจัดหาน้ำตามรูปแบบ
โครงการพัฒนาพื้นที่เกษตรน้ำฝน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ บริเวณวัดชัยมงคล
อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี
มาใช้กับพื้นที่บริเวณโครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิง
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
และพื้นที่บริเวณที่ราษฎรน้อมเกล้าฯ ถวาย จำนวน 10 ไร่ ตำบลคุ้มเก่า
อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์
โดยให้เป็นตัวอย่างเพื่อการศึกษานำมาปรับปรุงพื้นที่ให้สามารถทำการเกษตรได้อย่างสมบูรณ์
เมื่อการพิจารณาข้อมูลจากการตรวจสภาพพื้นที่ และรายละเอียดจากแผนที่
มาตราส่วน 1 : 100,000 พื้นที่บริเวณบ้านห้วยมะควัด และหมู่บ้านป่าไม้
เหนืออ่างเก็บน้ำ หนองกระทิง ตำบลแม่สอย อำเภอจอมทอง
มีสภาพภูมิประเทศเป็นเนินเล็ก ๆ สภาพดินลูกรังปนกรวดหน้าดินถูกกัดเซาะมีอินทรีย์วัตถุน้อย
ปัจจุบันไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ดังกล่าวได้
แนวทางการพัฒนาตามรูปแบบโครงการพัฒนาพื้นที่เกษตรน้ำฝน
โดยขุดลอกร่องหุบระหว่าง ลูกเนินให้ลึกและกว้าง
แล้วนำดินที่ขุดไปปิดกั้นระหว่างลูกเนินให้สามารถเก็บกักน้ำได้เป็นช่วง ๆ
ลงไปสู่ที่ต่ำกระจายไปตามความเหมาะสมสำหรับพื้นที่ที่จัดเป็นแปลงที่ทำกินและไม่มีร่องหุบ
ควรพิจารณาขุดสระเพื่อเก็บน้ำในบริเวณที่ที่มีพื้นที่รับน้ำไหลลงสระ
ส่วนพื้นที่บริเวณยอดเนิน ซึ่งยากแก่การจัดหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร
ควรใช้เป็นพื้นที่ปลูกป่า เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และชะลอกระแสน้ำ
โดยเฉพาะพื้นที่ที่ลาดชันมากควรปลูกหญ้าแฝก เพื่อป้องกันการกัดเซาะพังทะลายของดินและควรมีการปรับปรุงบำรุงดินควบคู่ไปด้วย
 |
|
| ::
วัตถุประสงค์
:: |
1. เพื่อเสริมสร้างสภาพแวดล้อม
ในพื้นที่โครงการให้มีความอุดมสมบูรณ์
2. เพื่อแก้ไขปัญหาของราษฎรในส่วนที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐาน
ในด้านแหล่งน้ำ และที่ดินทำกิน
3.
เพื่อยกระดับฐานะความเป็นอยู่ของราษฎรในพื้นที่โครงการให้สูงขึ้นสามารถดำรงชีพอยู่ได้ตามความเหมาะสมของท้องถิ่น
4. เพื่อใช้เป็นที่ขยายผลการพัฒนา
โดยนำผลการศึกษาของศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
มาให้การบริการ แก่ราษฎรในพื้นที่โครงการฯ
 |
|
|
::
เป้าหมาย
:: |
โครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
เดิมมีหมู่บ้านในความรับผิดชอบ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ 2 จังหวัด คือ
จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน จำนวน 20 หมู่บ้าน
- จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ใน 2 อำเภอ คือ อำเภอตจอมทอง 11 หมู่บ้าน
และอำเภอฮอด 1 หมู่บ้าน
- จังหวัดลำพูนอยู่ในอำเภอบ้านโฮ่ง 8 หมู่บ้าน
ปัจจุบันได้มีการจัดระเบียบชุมชน เหลือหมู่บ้านในพื้นที่โครงการฯ จำนวน 13
หมู่บ้าน ดังนี้
- พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ มี 2 อำเภอ คือ
1. อำเภอจอมทอง มี 10 หมู่บ้าน ได้แก่
1.1 บ้านใหม่สารภี หมู่ที่ 4 ตำบลแม่สอย
1.2 บ้านโรงวัว หมู่ที่ 5 ตำบลแม่สอย
1.3 บ้านห้วยม่วงฝั่งซ้าย หมู่ที่ 6 ตำบลแม่สอย
1.4 บ้านห้วยฝาง หมู่ที่ 8 ตำบลแม่สอย
1.5 บ้านห้วยสะแพท หมู่ที่ 9 ตำบลแม่สอย
1.6 บ้านห้วยมะควัด หมู่ที่ 12 ตำบลแม่สอย
1.7 บ้านห้วยพัฒนา หมู่ที่ 13 ตำบลแม่สอย
1.8 บ้านท่ากอม่วง หมู่ที่ 10 ตำบลบ้านแปะ
1.9 บ้านสบแจ่มฝั่งซ้าย หมู่ที่ 11 ตำบลบ้านแปะ
1.10 บ้านดงเย็น หมู่ที่ 15 ตำบลบ้านแปะ
2. อำเภอฮอด มี 1 หมู่บ้านได้แก่
- บ้านเด่นสารภี หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านตาล
- พื้นที่จังหวัดลำพูน มี 1 อำเภอ คือ อำเภอบ้านโฮ่ง มี 2 หมู่บ้าน ได้แก่
1. บ้านหนองสูน หมู่ที่ 1 ตำบลหนองปลาสะวาย
2. บ้านหนองปลาสะวาย หมู่ที่ 2 ตำบลหนองปลาสะวาย
- ในปี 2545เได้รับหมู่บ้านป่าแป๋ หมู่ที่ 7 ตำบลป่าพลู เป็นสมาชิกศิลปาชีพ
อีกหนึ่งหมู่บ้านพื้นที่พัฒนาโดยทั่วไป
1. พื้นที่พัฒนาป่าไม้ พื้นที่ส่วนใหญ่ของโครงการฯ
อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ 3 ป่า คือ
ป่าสงวนแห่งชาติป่าบ้านโฮ่ง จำนวน 24,218 ไร่
ป่าสงวนแห่งชาติป่าท่าธาร จำนวน 69,062 ไร่
ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ตาล แม่ยุย จำนวน 14,511 ไร่
รวมจำนวน 107,791 ไร่
สภาพโดยทั่วไปเป็นป่าเสื่อมโทรมกึ่งป่าค่อนข้างสมบูรณ์ จึงเหมาะที่จะพัฒนา
พื้นที่ดังกล่าวนี้ให้เป็นป่าสมบูรณ์
ทั้งนี้เพื่อเป็นการอนุรักษ์ไว้เป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารต่อไป
2. พื้นที่พัฒนาการเกษตร ส่วนใหญ่เป็นที่ราบตามเนินเขา ใกล้กับลำห้วยสาขา
ต่าง ๆ ของแม่น้ำปิงพื้นที่การเกษตรเดิมเป็นป่าเสื่อมโทรม
ราษฎรได้บุกเบิกไปแล้ว ส่วนใหญ่ ยังคงปล่อบไว้เป็นพื้นที่รกร่างว่างเปล่าเพราะไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้
เนื่องจากขาดแคลนน้ำใช้ทำการเพาะปลูก เป็นประจำทุกปี

|
|
|
|
::
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
:: |
|
1. กำหนดขอบเขตพื้นที่อยู่อาศัย เกษตรกรรม
และพื้นที่ป่าไม้ ได้อย่างถูกต้อง
2. แผนที่ และแผนผัง มีความถูกต้อง
เป็นสากลสามารถตรวจสอบได้เป็นที่เข้าใจของหน่วยงานที่จะเข้ารับผิดชอบในโอกาสต่อไป
3. เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานสามารถปฏิบัติงาน
ได้อย่างเต็มที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะมีความชัดเจน
ในเรื่องขอบเขตพื้นทีโครงการฯ
4. ทำให้ทราบถึงกรรมสิทธิ์ในการถือครองที่ดิน
เพื่อดำเนินการต่อไป
5. มีการวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างถูกต้อง
6. สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับราษฎร
/ ชุมชน ได้ในระดับหนึ่ง
7. ผลของการประชาสัมพันธ์ ทำให้ราษฎร / ชุมชน
เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่าในพื้นที่โครงการฯ
เพิ่มมากขึ้น
8. สามารถป้องกันรักษาป่าที่เหลืออยู่ในโครงการฯ
มิให้ถูกบุกรุกทำลายเพิ่ม มากขึ้น

|
|
|
|
::
หน่วยงานร่วมโครงการ
:: |
1. กองทัพภาคที่ 3 โดย กองพลพัฒนาที่ 3
2. กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชโดย
สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16
3. กรมพัฒนาที่ดิน โดย สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 6
4. กรมที่ดิน โดย หน่วยจัดที่ดินโครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จฯ หน่วยที่
1,2 และ 3
5. กรมวิชาการเกษตร โดย สำนักพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6
6. กรมส่งเสริมการเกษตร โดย สำนักการเกษตรจังหวัด
7. กรมปศุสัตว์ โดย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงใหม่
8. กรมประมง โดย ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดเชียงใหม่
9. กรมชลประทาน โดยสำนักชลประทานที่ 1
10. องค์การบริหารส่วนตำบล ในพื้นที่รับผิดชอบ |
|
|
|
::
แผนงานโครงการ :: |
1. แผนงานอนุรักษ์และพัฒนาป่าไม้
โดย สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16
2. แผนงานพัฒนาที่ดิน โดย สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 6
3. แผนงานจัดสรรที่ดิน โดย หน่วยจัดที่ดินโครงการฯ หน่วยที่ 1,2
และ 3 กรมที่ดิน
4. แผนงานพัฒนาการเกษตร โดย สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1
5. แผนงานส่งเสริมการเกษตร โดย สำนักการเกษตรจังหวัด
6. แผนงานด้านปศุสัตว์ โดย ปศุสัตว์จังหวัดเชียงใหม่
7. แผนงานพัฒนาด้านการประมง
8. แผนงานพัฒนาแหล่งน้ำ
9. แผนงานอำนวยการและบริหารโครงการฯ โดย กองพลพัฒนาที่ 3 |
|
|
|
::
ผลการดำเนินงาน
:: |
|
1. แผนการอนุรักษ์และพัฒนาป่าไม้
โดย สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ,
สำนักงานป่าไม้จังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานป่าไม้จังหวัดลำพูน
ป้องกันรักษาป่าที่มีสภาพสมบูรณ์อยู่แล้วให้คงสภาพเดิม
ปรับปรุงและพัฒนาป่าเสื่อมโทรมให้กลับมาเป็นป่าที่สมบูรณ์
โดยการจัดเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวน พื้นที่ป่าในเขต
พื้นที่โครงการฯ
เพื่อป้องกันการบุกรุกแผ้วถางป่าตลอดจนปลูกเสริมป่าดูแลบำรุงรักษาสวนป่าเดิม
และออกประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่เกี่ยวกับไฟป่า
พร้อมทั้งติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ แจกเอกสาร
เผยแพร่การควบคุมไฟป่า
ให้การศึกษาแก่เด็กนักเรียนตามสถานศึกษาต่าง ๆ เพื่อให้ราษฎร
ในพื้นที่โครงการฯ ได้มีความรู้
ได้เกิดความรักและหวงแหนในทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำลำธาร
2. แผนงานพัฒนาที่ดิน โดย สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต
6สร้างหมุดหลักฐานแผนที่โดยการสำรวจตำแหน่งด้วยดาวเทียม (GPS)
ระบบ U.T.M. จำนวน 12 คู่ ครบคลุมพื้นที่ 171,710 ไร่
จัดทำแผนที่วงรอบแปลงจัดรูปที่ดิน สำรวจจำแนกดิน
สภาพการให้ที่ดินและวางแผนการใช้ที่ดิน
เพื่อกำหนดขอบเขตพื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่เกษตรกรรม
ของราษฎรและพื้นที่ป่าไม้ให้ถูกต้องชัดเจน
3. แผนงานการจัดสรรที่ดิน โดย หน่วยจัดที่ดินที่ 1,2,3
กรมที่ดินสำรวจรังวัดทำแผนที่ วงรอบแปลงจัดรูปที่ดิน
แปลงปลูกสวนป่า และพื้นที่สาธารณประโยชน์อื่น ๆ
โดยปรับแก้ไขเป็นระบบสากล (U.T.M.)
รังวัดสอบสวนสิทธิการถือครองที่รังวัดปูผังการจัดที่ดินให้เป็นระบบสากล
(U.T.M.) ขุดสระน้ำในพื้นที่เกษตรกรรมของเกษตรกร
บุกเบิกพื้นที่เกษตรกรรมสร้างถนนสายหลักและสายซอยในพื้นที่เกษตรกรรม
และวางท่อระบายน้ำตามถนนเข้าพื้นที่เกษตรกรรมของราษฎรในพื้นที่โครงการฯ
เพื่อให้ราษฎรได้รับความสะดวกสบายในการขนผลผลิตทางการเกษตร
4. แผนงานพัฒนาการเกษตร โดย
สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1
ทดสอบและพัฒนาพืชเศรษฐกิจและระบบการปลูกพืชระบบการทำฟาร์ม ได้แก่
- ทดสอบพัฒนาข้าว พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมสำหรับนาในที่ลุ่ม ได้แก่
ข้าวเหนียวสันป่าตอง ข้าวพันธุ์ กข. 6 ข้วพันธุ์ กข. 8
และข้าวไร่ใช้พันธุ์ ซิวแม่จัน ได้ผลผลิตเฉลี่ย 300 กก. / ไร่

- ทดสอบและพัฒนาพืชไร่ พืชที่เหมาะสม
และเป็นที่ยอมรับของเกษตรกร ได้แก่ ถั่วเหลืองพันธุ์ สจ. 4
ได้ค่าผลผลิตเฉลี่ย 230 กิโลกรัม / ไร่
- ทดสอบและพัฒนาพืชสวน พืชสวนที่เกษตรสนใจมากที่สุดคือ
สำไยพันธุ์ อีดอ มะม่วงแก้ว มะขามเปรี้ยว

- ทดสอบและพัฒนาพืชอุตสาหกรรม
พืชที่มีศักยภาพปลูกในพื้นที่ ได้แก่ พริก มะเขือ กระทกรก
หน่อไม้ฝรั่ง และยางพารา
- อบรมถ่ายทอดเทคโนโยลีการเกษตร ถ่ายทอดวิธีการปลูกถั่วพันธุ์ สจ.
4 ให้เกษตรกรจำนวน 10 ราย รวม
10ไร่ขยายผลการปลูกข้าวไร่ซิวแม่จันให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ จำนวน
14 หมู่บ้าน รวม 50 ราย จำนวน 100 ไร่ ขยายผลการปลูกพืชสวน
ในพื้นที่ 10 หมู่บ้าน 3 อำเภอ รวม 100 ไร่
5. แผนงานส่งเสริมการเกษตร โดย สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่
- ดูแลปรับปรุงผลผลิตลำไยของเกษตร 3,000 ไร่
6. แผนงานด้านปศุสัตว์
- ดูแลสุขภาพสัตว์
1. ฉีดวัคซีนสัตว์
2. ถ่ายพยาธิสัตว์ เช่น สุกร วัว กระบือ
3. รักษาพยาบาลสัตว์ป่วย
7. แผนงานพัฒนาด้านการประมง
ผลิตพันธุ์น้ำปล่อยตามแหล่งน้ำธรรมชาติ , แหล่งน้ำสาธารณะ จำนวน
1,600,000 ตัว และแจกจ่ายให้ราษฎรในพื้นที่โครงการฯ จำนวน 202
ราย จำนวน 404,350 ตัว
เพิ่มผลผลิตการประมงในแหล่งน้ำดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารแหล่งน้ำ
จำนวน 2 แห่ง
ฝึกอบรมคณะกรรมการบริหารแหล่งน้ำพร้อมสนับสนุนพันธุ์ปลา
ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์น้ำ จำนวน 50 ราย บ่อพลาสติก 30 ราย
บ่อดิน 20 ราย พร้อมสนับสนุนพันธุ์ปลาและอาหารปลา
8. แผนงานพัฒนาแหล่งน้ำดำเนินการจัดหาน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค
เพื่อการเกษตรให้แก่ราษฎรในเขตพื้นที่โครงการตลอดจนการจัดหาน้ำเพื่อสนับสนุนการพัฒนาป่าบริเวณพื้นที่ต้นน้ำลำธาร
ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร
โครงการก่อสร้างแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค
โครงการก่อสร้างแหล่งน้ำเพื่อการพัฒนาป่าไม้
และโครงการสูบน้ำด้วยไฟฟ้า
9. แผนงานอำนวยการและบริหาร โดย กองพลพัฒนาที่ 3
ร่วมวางแผนและประสานงาน เพื่อให้ผลการดำเนินงานเป็นไปตาม
วัตถุประสงค์ และเป้าหมายของแต่ละแผนงาน โดย
จัดชุดปฏิบัติการร่วมดำเนินงานกับหน่วย จัดที่ดินโครงการฯ
หน่วยที่1,2 และ 3
ในการรังวัดสอบสวนสิทะการถือครองที่ดินของเกษตรกรในพื้นที่โครงการฯ
และจัดชุดปฏิบัติการร่วมดำเนินงานกับป่าไม้โครงการฯ
ในการออกลาดตระเวนพื้นที่ป่าในโครงการฯ
เพื่อลดปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า
โดยสรุป
ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาในด้านการพัฒนาโครงการสร้างพื้นฐาน
และการบริการอื่น ๆ ทำให้ราษฎรมีความเป็นอยู่
และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การกำหนดขอบเขต พื้นที่อยู่อาศัยฐ ,
พื้นที่เกษตรกรรมและพื้นที่ป่าไม้
อย่างถูกต้องชัดเจนทำให้การตัดไม้ทำลายป่า ในพื้นที่ลดน้อยลง
ราษฎรมีส่วนร่วมในการป้องกันและดูแลรักษาป่าเพิ่มมากขึ้น และ
การดำเนินงานตามแผนเร่งด่วนที่กำหนดไว้ใน 3 ปี
เมื่อสิ้นสุดระยะการดำเนินงานจะทำให้
โครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิง
สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการได้อย่าง แท้จริง
|
|
|
|
Back to top |
|