เส้นทางศึกษาธรรมชาติถ้ำเขานุ้ย
1 |
||||
![]() |
||||
สวนรุกขชาติ คืออะไร ? |
![]() |
|||
สวนรุกขชาติ เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม่ที่มีอยู่ในท้องถิ่น
และพื้นที่ใกล้เคียง ทั้งไม้มีค่าทางเศรษฐกิจ พรรณไม้ที่หายาก และใกล้สูญพันธุ์
ตลอดจนเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติ และพักผ่อนหย่อนใจของชุมชน
|
||||
รวมกันเราอยู่ แยกกันเราตาย
! |
||||
![]() |
"ไลเคน" ประกอบด้วย"สาหร่าย" กับ "รา" มารวมกันแบบพึ่งพา หากพืชสองชนิดนี้แยกกันอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ก็จะไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ไลเคนมักมีรูปร่างต่าง ๆ เช่น เป็นฝุ่นแป้งเกิดอยู่ตามเปลือกไม้ เป็นแผ่นดวง ๆ บาง ๆ หรือเป็นเส้นสายห้อยระโยงระยาง ซึ่งเราจะสังเกตเห็นทั่วไปในบริเวณนี้ ไลเคน ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในที่ที่มีมลภาวะ ดังนั้นหากเราพบไลเคนที่ไหนมาก แสดงว่าบริเวณนั้นคุณภาพอากาศดี นอกจากนี้ ในทางโบราณคดี ยังใช้ไลเคนประเมินอายุของหินและโบราณสถานอีกด้วย |
|||
ความฉลาดของเถาวัลย์ |
![]() |
|||
ป่าดงดิบ มักปกคลุมด้วยพืชพรรณอย่างหนาแน่น ทำให้แสงส่องผ่านผืนป่าได้น้อยมาก ต้นไม้ต่างแข่งขันกันขึ้นไปแผ่เรือนยอดรับแสงเบื้องบน เถาวัลย์ มีความฉลาดไม่น้อย ในการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด โดยพัฒนาตัวเองให้เหมือนเชือกห้อยระโยงระยางพันกับต้นไม้อื่น ๆ ซึ่งเป็นวิธีการง่าย ๆ ไม่ต้องเสียพลังงานมาก ในการสร้างความใหญ่โตให้กับลำต้น แต่เน้นความยาวเพียงอย่างเดียวเพื่อรับแสง อาหารสำคัญของพวกมัน |
||||
![]() |
หญ้าสารพัดประโยชน์ |
|||
ไผ่ เป็นพืชตระกูลเดียวกับหญ้า ทุกส่วนของไผ่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งสิ้น เช่น นำมาประกอบอาหาร ทำเครื่องมือเครื่องใช้ในครัวเรือน ทำเครื่องดนตรี นอกจากนี้ในสมัยโบราณ ยังนำไผ่มาทำแนวป้องกันข้าศึก และเป็นอาวุธชั้นดี ในแง่ของการอนุรักษ์ รากของไผ่ในป่า ช่วยป้องกันการกัดชะพังทลายของดิน กอไผ่ คือ แนวป้องกันลมชั้นดี แม้แต่ใบที่ร่วงหล่นยังเสริมสร้างความอุดมสมบูรณ์ และป้องกันการระเหยของน้ำจากผืนแผ่นดิน อีกด้วย |
||||
สมุนไพรใต้ผืนป่า |
![]() |
|||
ต้นไม้ที่มีเปลือกสีนวล เป็นมัน เรียบ และมีรอยแผลเป็นดวง ๆ ที่ลำต้น ซึ่งเกิดจากการลอกร่อนของเปลือกนี้ คือ "ต้นตะแบก" ตะแบก ถือเป็นพืชสมุนไพรที่สำคัญ มีสรรพคุณเป็นยาแก้บิด มูกเลือด ท้องร่วง โดยใช้เปลือกบริเวณลำต้นครึ่งกำมือ สับเป็นชิ้นเล็ก ๆ ต้มกับน้ำ 1 ถ้วยแก้ว เคี่ยวให้เหลือค่อนแก้ว ดื่มเฉพาะน้ำ |
||||
![]() ![]() |
สะบ้า ยาสมุนไพรไทย |
|||
"สะบ้า " เป็นเถาไม้เนื้อแข็งขนาดใหญ่ และยาวมาก มักบิดเป็นเกลียว ดอกสีเหลือง ผลเป็นฝักยาว แข็ง และเป็นข้อ ๆ ในตำรายาไทย นำเมล็ดเผาไฟแช่น้ำดื่มแก้ตัวร้อน เนื้อในเมล็ด ใช้ทาแก้โรคผิวหนัง เช่น หิด กลาก เกลื้อน ส่วนเถา นำมาทำเป็นยาสระผม นอกจากนี้ในสมัยก่อน นิยมนำเมล็ดหรือที่เราเรียกว่า "ลูกสะบ้า" ไปทอย เป็นการละเล่นในช่วงเทศกาลต่าง ๆ เช่น สงกรานต์ |
||||
ความลับในอุโมงค์มืด |
![]() |
|||
ทราบหรือไม่ว่า "แมลงเม่า" ก็คือ "ปลวก" นั้นเอง ฤดูผสมพันธุ์ (ฤดูฝน) พวกมันจะจับคู่ผสมพันธุ์แล้วสลัดปีก และจะเริ่มขุดดินให้เป็นช่อง ซึ่งถือเป็นขั้นแรกของการสร้างจอมปลวก และเมื่อเวลาผ่านไป ก็กลายเป็นจอมปลวกที่เราเห็น แม้ว่าปลวกจะเป็นแมลงที่เป็นตัวการที่ทำให้บ้านเรือนผุพัง แต่ในป่า ปลวกมีบทบาทสูงมากในการเป็น "ผู้ย่อยสลาย" ในธรรมชาติ การย่อยเศษไม้ ใบไม้ ทำให้แร่ธาตุหมุนเวียนกลับคืนสู้ระบบนิเวศอีกครั้ง |