สารานุกรมพืช

    ลำพูป่า (Duabanga grandiflora (Roxb. ex DC.) Walp. )

    ไม้ต้น สูงได้ถึง 35 ม. โคนต้นมีพูพอน กิ่งอ่อนเป็นเหลี่ยม ใบเรียงตรงข้าม รูปขอบขนานหรือแกมรูปไข่กลับ ยาว 10–24 ซม. ปลายแหลมยาว โคนกลมหรือเว้าตื้น แผ่นใบด้านล่างมีนวล ก้านใบยาวได้ถึง 1 ซม. ช่อดอกแบบช่อเชิงหลั่น ออกสั้น ๆ ที่ปลายกิ่ง ก้านดอกยาว 3–4 ซม. กลีบเลี้ยงและกลีบดอกจำนวนอย่างละ 6–7 กลีบ หลอดกลีบเลี้ยงรูปถ้วย กลีบรูปสามเหลี่ยมแกมรูปไข่กลับ ยาว 1–3 ซม. บานออก ดอกสีขาว มีกลิ่นแรง กลีบรูปรี ยาว 4 ซม. ย่น ก้านกลีบยาว 2–4 มม. เกสรเพศผู้จำนวนมาก เรียง 2 วง อับเรณูติดไหว โค้ง รังไข่กึ่งใต้วงกลีบ ออวุลจำนวนมาก ผลแห้งแตกเป็น 6–9 ซีก รูปไข่กว้างเกือบกลม กว้าง 4–4.5 ซม. ยาว 3–4 ซม. กลีบเลี้ยงติดทน เมล็ดจำนวนมาก รูปแถบ ยาว 4–6 มม. มี 2 หาง รูปเส้นด้าย

    พบที่อินเดีย พม่า จีนตอนใต้ ภูมิภาคอินโดจีนและมาเลเซีย ในไทยพบทุกภาค ขึ้นตามชายป่า ที่โล่ง ตามหุบเขา ริมลำธาร หรือที่ชุ่มชื้น ความสูงถึงประมาณ 1200 เมตร เนื้อไม้ใช้ทำกล่อง ไม้พาย เรือแคนู และก้านร่ม เปลือกมีพิษใช้เบื่อปลา

    สกุล Duabanga Buch.-Ham. เดิมอยู่ภายใต้วงศ์ Sonneratiaceae มี 3 ชนิด พบในเอเชียเขตร้อน ในไทยมีชนิดเดียว ชื่อสกุลเป็นภาษาเบงกาลี “duyabanga” ที่ใช้เรียกลำพูป่า

    ชื่อพ้อง: Lagerstroemia grandiflora Roxb. ex DC., Duabanga sonneratioides Buch.-Ham.

    ชื่อสามัญ: Achung, Duabanga, Lampati

    ชื่ออื่น: กระดังงาป่า (ภาคตะวันตกเฉียงใต้); กาปลอง (ชอง-จันทบุรี); กาลา, ตุ้มเต๋น, ตุ้มบก, ตุ้มลาง, ตุ้มอ้า, เต๋น, ลูกลาง, อ้า (ภาคเหนือ); กู, ซังกะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน); โก (กะเหรี่ยง-กำแพงเพชร); ขาเขียด (ชุมพร); คอเหนียง (เชียงใหม่); ตะกาย, ตะกูกา, โปรง, ลำพูป่า (ภาคใต้); บ่อแมะ (มาเลย์-ยะลา); บะกูแม (มาเลย์-นราธิวาส); เยี่ยวแมว (เลย); ลำพูขี้แมว (ระนอง); ลำพูควน (ปัตตานี); ลำแพน (ตรัง); ลำแพนเขา (ยะลา); ลิ้นควาย (ภาคตะวันออกเฉียงใต้); สะบันงาช้าง (แพร่); หงอนไก่ (ประจวบคีรีขันธ์)

      

      

    ลำพูป่า: ใบเรียงตรงข้าม โคนเว้าตื้น ช่อดอกแบบช่อเชิงหลั่นออกสั้น ๆ ที่ปลายกิ่ง กลีบดอกย่น เกสรเพศผู้จำนวนมาก ผลแห้งแตก กลีบเลี้ยงติดทน (ภาพ: ราชันย์ ภู่มา)