 |
การงอก (germination)
การที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของต้นอ่อนเจริญแทงทะลุเปลือกจากเมล็ด ไปเป็นต้นอ่อนที่สมบูรณ์
ดูการงอก <click> |
 |
การสังเคราะห์แสง (Photosynthesis ) กระบวนการสร้างอาหารพวกคาร์โบไฮเดรตของพืชสีเขียว จาก H2O และ CO2 โดยอาศัยคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) และแสงสว่างเป็นตัวช่วย และเอนไซม์ในเม็ดคลอโรพลาสต์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา |

|
รงควัตถุ (Pigment)
เม็ดสี ซึ่งทำให้พืชแต่ละชนิดมีสีแตกต่างกันไป สีที่เราเห็นอาจเกิดจากรงควัตถุเพียงชนิดเดียว หรือหลาย ๆ ชนิดที่อยู่รวมกัน ทำให้เห็นเป็นสีต่างๆ คล้ายสีผสม คลอโรฟิลล์ (Chrorophyll) ก็เป็นรงควัตถุชนิดหนึ่ง ซึ่งให้สีเขียว |

|
เกล็ดประดับ (probract)
แผ่นเกล็ดติดที่โคนก้านช่อดอกของพืชในวงศ์ Cucurbitaceae มักมีต่อมซึ่งดึงดูดแมลง เช่น มะกลิ้ง Hodgsonia heteroclita (Roxb.) Hook. f. & Thomson subsp. indochinensis W. J. de Wilde & Duyfjes |

|
collumella
แกนกลางของส่วนสืบพันธุ์พืชเมล็ดเปลือย |

|
pollen cone
ส่วนสืบพันธุ์เพศผู้ของพืชเมล็ดเปลือย |

|
seed cone
ส่วนสืบพันธุ์เพศเมียของพืชเมล็ดเปลือย |

|
เกสรเพศผู้เชื่อมติดสองกลุ่ม (diadelphous stamen)
เกสรเพศผู้ที่ก้านชูอับเรณู (filaments) เชื่อมติดกัน แยกเป็น 2 มัด หรือเชื่อมติดกันมัดเดียว และมีเกสร 1 อัน แยกต่างหาก เช่นในพืชวงศ์ถั่ว Fabaceae |

|
เกสรเพศผู้มีสองคู่ยาวไม่เท่ากัน (didynamous stamen)
เกสรเพศผู้มี 4 อัน ขนาดยาว 2 อันและสั้น 2 อัน เช่นเกสรเพศผู้ของพืชวงศ์กะเพรา (Lamiaceae) วงศ์มณเฑียรทอง (Scrophulariaceae) |

|
เกสรเพศผู้มีสองคู่ยาวไม่เท่ากัน (didynamous stamen)
เกสรเพศผู้มี 6 อัน ขนาดยาว 4 อันและสั้น 2 อัน เช่น เกสรเพศผู้ของดอกผักกาดเขียว |

|
ช่อปลายม้วน (scorpioid)
ช่อดอกแบบช่อกระจุก (cyme) เรียงด้านเดียว ปลายม้วนงอคล้ายหางแมลงป่อง เช่นช่อดอกหญ้างวงช้าง Heliotropium indicum L. หรือแต่ละดอกเรียงสลับไปมาซ้าย-ขวา ปลายช่อม้วนงอ เช่นพืชในสกุล Cordia |

|
ดอกสมมาตรตามรัศมี (actinomorphic flower, regular flower)
ดอกที่กลีบดอกมีลักษณะและขนาดใกล้เคียงกัน หากแบ่งดอกนี้ตามแนวเส้นผ่านศูนย์กลางของดอก จะได้สองส่วนที่เหมือนกันมากกว่าหนึ่งครั้ง ซึ่งเรียกสมมาตรของดอกนี้ว่า สมมาตรตามรัศมี (radial symmetry) เช่นดอกทานตะวัน ดอกชมพู่ ดอกกุหลาบ |

|
ดอกสมมาตรด้านข้าง (zygomorphic flower, irregular flower)
ดอกที่กลีบดอกมีลักษณะและขนาดที่แตกต่างกัน และหากแบ่งดอกนี้ตามแนวเส้นผ่านศูนย์กลางของดอก จะได้สองส่วนที่เหมือนกันเพียงหนึ่งครั้ง ซึ่งเรียกสมมาตรของดอกนี้ว่า สมมาตรด้านข้าง (bilateral symmetry) เช่น ดอกกล้วยไม้ ดอกถั่ว |