ที่ตั้งและลักษณะภูมิประเทศ
สถานีวิจัยลุ่มน้ำตาปี ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ ต.กะทูน อ.พิปูน
จ.นครศรีธรรมราช มีอาณาเขต ตำแหน่งที่ตั้ง อยู่ระหว่างเส้นรุ้งที่ 8o
35/ ถึง 8o 37/ เหนือ
เส้นแวงที่ 99o 32/ ถึง 99o
34/
ตะวันออก แผนที่ระวางเลขที่ 4926 III มาตราส่วน 1:50,000
ทิศเเหนือ จดเขากระทูนและเขาปลาย คลองผวน ทิศใต้ จดบ้านห้วยทรายขาว
บ้านปากจัง และคลองผวน ทิศตะวันออก จดหมู่บ้าน จุฬาภรณ์
(บ้านห้วยตรีด) ทิศตะวันตก จดคลองกะทูน (บ้านเขาช่อง)
โดยประมาณสูงจากระดับน้ำทะเล 80-500 เมตร อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขากะทูนและป่าปลายกะเบียด
ซึ่ง ประกาศ ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 502 พ.ศ.2515 ราชกิจจากนุเบกษา
เล่มที่ 89 ตอนที่ 188 วันที่ 12 ธ.ค. 2515
ลักษณะทางอุทกวิทยา
ลุ่มน้ำห้วยทรายขาว เป็นลุ่มน้ำย่อยของลุ่มน้ำคลองผวน
ที่ไหลไปบรรจบคลองกะทูนในพื้นที่หมู่ที่ 5 ต.กะทูน อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช
โดยมีพื้นที่ลุ่มน้ำประมาณ 4.95 ตร.กม. หรือ 3,093.75 ไร่
ลักษณะโดย ทั่วไปของลุ่มน้ำห้วยทรายขาว พื้นที่ประกอบด้วยป่าธรรมชาติ
20 % สวนยางพารา และสวนผลไม้ ประมาณ 60- 70 % ของพื้นที่
พื้นที่ที่เหลือเป็นพื้นที่ถูกแผ้วถาง ทำลายปล่อยทิ้งไว้เป็นป่ารุ่นสองขึ้นทดแทน
ลักษณะทางธรณีวิทยา
ลักษณะธรณีวิทยาทั่วไปของพื้นที่อำเภอพิปูน ประกอบด้วยหินแกรนิต นแกรนิต-ไนส์
หินชนวน หิน ควอร์ตไซต์ หินทราย และหินดินดาน ซึ่งอยู่ในช่วงอายุพรีแคมเบรียนจนถึงคาร์บอนิเฟอรัส
ในส่วนของพื้นที่ลุ่มน้ำห้วย ทรายขาวนั้น ประกอบด้วยหินแกรนิตอายุไทรแอสสิก
และ ตะกอนที่ยังไม่แข็งตัวในยุคควอเตอร์นารี
หินแกรนิตอายุไทรแอสสิก ส่วนใหญ่เป็นมัสโคไวต์-ไบโอไทต์แกรนิต (Muscovite-Biotite
Granite) หินจะมี ลักษณะเป็นเนื้อหยาบถึงปานกลาง มีสายแร่เฟลด์สปาร์ตัดแทรกอยู่
และพบ แร่ดีบุกในสายแร่ควอร์ตซ์แทรกปนอยู่ ประปราย
ตะกอนที่ยังไม่แข็งตัวในยุคควอเตอร์นาร ี เป็นพวกที่ทับถมอยู่ในบริเวณที่สูงติดเชิงเขา
(Foothills slope) เกิดจากการเคลื่อนที่ของตะกอนพวกเศษหินและดินที่มากับสายน้ำ
แล้วไหลมาทับถมกันบริเวณเชิงเขา เกิดเป็น ตะกอนรูปพัด (alluvial fan)
และอีกลักษณะหนึ่งเกิดจากการ เคลื่อนย้ายของเศษตะกอนโดยแรงโน้มถ่วงของโลก
(colluvium) ลงมาทับถมที่บริเวณเชิงเขา ตอนล่าง
ลักษณะทางปฐพีวิทยา
ลักษณะดินที่พบส่วนใหญ่เป็นดินที่เกิดจากตะกอนเนินรูปพัด (alluvial fan)
ซึ่งพบบริเวณที่ลาดเชิงเขา และดินที่สลายตัวอยู่กับที่ของวัตถุต้นกำเนิดดินเดิม
ซึ่งรายละเอียดของชุดดินต่าง ๆ ประกอบด้วย
1. Ac-pd : Alluvial soils complex poorly
drained (ตะกอนลำน้ำที่มีการระบายน้ำเลว อยู่ปะปนกัน) เป็นดินลึกเกิดจากตะกอนลำน้ำทับถม
ดินมีการระบายน้ำเลว มีสีเทา เนื้อดินเป็นดินร่วนถึงดินเหนียว
ปฏิกิริยา ดินเป็นกรดแก่ บริเวณพื้นที่ดังกล่าวใช้ทำนา
2. TML : Tin Mine Land (เหมืองแร่ดีบุก) เป็นดินที่มีพืชพรรณปกคลุมน้อย เนื้อดินทราย
จัด บางบริเวณมี เศษหินหรือกองหินที่เหลือค้างจากการทำเหมือง
3. SC : Slope Complex (ที่ลาดชันเชิงซ้อน) ที่ลาดชันเชิงซ้อน ภูเขาสูงชัน
มีความลาดชัน มากกว่า 35 เปอร์เซ็นต์
ลักษณะภูมิประเทศ
ลักษณะสภาพภูมิอากาศโดยทั่วไป ตามระบบของ Koppen จัดเป็นอากาศแบบร้อนชื้น
(tropical raining climate with no cool
season, Am) เป็นบริเวณที่ไม่มีฤดูหนาวที่แท้จริง โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยของเดือนที่หนาวที่
สุดสูงกว่า 18 องศาเซลเซียส มีฝนตกชุก เนื่องจากได้รับอิทธิพล
จากลมมรสุมทั้งสองฝั่ง คือ ลมมรสุมตะวันตก เฉียงใต ้ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม
และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างกลางเดือนตุลาคมถึง เดือนกุมภาพันธ์
โดยสรุปแบ่ง ฤดูกาล ออกได้เป็น 3 ฤดู
- ฤดูร้อนเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม เป็นช่วงเปลี่ยนฤดูมรสุมหลังจาก
เสร็จสิ้นฤดูมรสุม ตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว อากาศจะเริ่มร้อนและร้อนจัดที่สุดในเดือนเมษายน
โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 28-29 องศาเซลเซียส
- ฤดูฝนเริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคมเป็นช่วงที่ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุม
ประเทศไทย ทำให้มีฝนตกโดยทั่วไป มักมีร่องความกดอากาศต่ำปกคลุมภาค
ใต้เป็นระยะ ๆ ทำให้มีฝนตกมาก
- ฤดูหนาวเริ่มตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ เป็นช่วงฤดูลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ
ซึ่งเป็น ลมเย็นและแห้งแล้งจากผืนแผ่นดินใหญ่ประเทศจีนพัดปกคลุมประเทศไทย
ทำให้อุณหภูมิโดยทั่วไปลดลง และมี อากาศหนาวเย็น แต่เนื่องจากลมมรสุมนี้พัดผ่านอ่าวไทยก่อนขึ้นฝั่ง
จึงพัดพาความชื้นเข้ามาด้วย ทำให้มีฝนตกใน ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม
อุณห- ภูมิจึงลดลงเล็กน้อยเป็นครั้งคราว อากาศไม่สู้หนาวเย็นมากนัก อุณหภูมิโดยเฉลี่ยประมาณ
26-27 องศาเซลเซียส
ข้อมูลอากาศของสถานีวิจัยลุ่มน้ำตาปี อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช
ที่ทำการบันทึก ประจำปี 2539 มี อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี
26.7 องศาเซลเซียส (อุณหภูมิสูงสุดรายวัน 38 องศา เซลเซียส
ต่ำสุดรายวัน 16 องศา เซลเซียส) ปริมาณน้ำฝนตลอดปีประมาณ 3,000 มม.
ความชื้น สัมพัทธ์เฉลี่ย 88 เปอร์เซ็นต์
ลักษณะพืชพรรณและการใช้ประโยชน์ที่ดิน
ลักษณะพืชพรรณและการใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณลุ่มน้ำห้วยทรายขาว จำแนกออกได้
เป็น
1. ป่าดงดิบชื้นระดับต่ำ (lower tropic rain forest) ที่มีการกระจายตั้งแต่ที่ราบขึ้นไปจน
ถึงระดับความสูง ประมาณ 600 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีโครงสร้างเป็นไม้ในชั้นเรือนยอดที่มี
ความสูงเกินกว่า 40 เมตร มีลำต้น ขนาดใหญ่เปลาตรงและมีพูพอนมาก
ส่วนใหญ่เป็นไม้ในวงศ์ยาง (Dipterocarpaceae) ในสกุลต่าง ๆ
เช่น Dipterocarpus, Hopea, Shorea, Balanocarpus, Parashorea
และ Anisoptera ไม้ในสกุล Mangifera, Swintonia, Cederla,
Artocarpus, Bischofia, Sandoricum, Tetrameles, Pterocymbium, Scaphium,
Sterculia, Intsia, Mesur, Pterospermum, Schima, Cinnarnomum, Calophyllum,
Litsea, Alstonia, Ficus, Lagerstroemia, Nephoelium และ Manglietia
ไม้ในเรือนยอดชั้นรองเป็นไม้ขนาดกลางสูงประมาณ 25 เมตร ประกอบด้วยสกุล
Yatica, Taluma, Baccaurea, Alchomea, Macaranga,
Mallotus, Aporusa, Streblus, Eugenia, Aglaia, Orophea, Polyathia และ Mitrephora
เป็นต้น และพบพืชจำพวกหมากและหวายหลายชนิดขึ้นกระจายทั่วไป
หวายที่สำคัญได้แก่ ในสกุล Orania, Oncosperma, Calamus, Korthalsi, Daemonorops
และ Licuala และยังพบ เถาวัลย์ขนาดใหญ่น้อยขึ้นพันไม้ใหญ่ค่อนข้างหนาแน่น
ก่อให้เกิดความทึบมากขึ้น โดยเฉพาะเถาวัลย์ในสกุล Tetrastigma,
Phanera, Lasiobena, Aganosma, Derris, Entada
และ Epigyaum นอกจากนี้ยังมีไผ่ขึ้นอยู่ ทั่วไปบริเวณริมลำห้วย
และช่องว่างของป่า
2. สวนยางพารา ในอดีตที่ผ่านมาพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าที่ผ่านการทำไร่เลื่อนลอยและ
สัมปทานป่าไม้ มาก่อน หลังจากที่สภาพพื้นที่เปลี่ยนไปราษฎรจึงได้นำยางพาราพันธุ์พื้นเมืองและ
ไม้ผลเข้ามาปลูกทิ้งไว้เพื่อเป็นการ จองพื้นที่ เมื่อต้นยางพาราโตพอประมาณก็จะกลับมาถางวัชพืช
และทำการกรีดยาง หรือขายต่อ แต่ในปัจจุบันได้มี การเปลี่ยนพันธุ์ยางพาราเป็นพันธุ์ที่ดีขึ้น
และมี การถางป่าบนที่สูงเพิ่มมากขึ้นเพื่อเปลี่ยนเป็นสวนยางพารา
3. สวนผลไม้ เป็นพื้นที่ในส่วนที่ราษฎรเข้าไปปลูกไม้ยืนต้นจำพวกไม้ผลเพื่อการเก็บเกี่ยวเป็นรายได้เสริมใน
อดีต แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนรูปแบบเป็นเชิงการค้ามากขึ้น
ตามปกติจะเป็นการปลูกแบบผสมมีไม้ผลหลายชนิด ปลูกร่วมกันเลียนแบบสภาพป่า
พันธุ์ไม้ที่ปลูก ได้แก่ ขนุน ทุเรียน มังคุด หมาก เงาะ และลางสาด
เป็นต้น
ลักษณะพืชพรรณและการใช้ประโยชน์ที่ดินโดยทั่วไปของลุ่มน้ำห้วยทรายขาวในปัจจุบัน
ประกอบด้วย พื้นที่เป็นป่าธรรมชาติ และป่าทดแทนตามธรรมชาติประมาณ
15% สวนยางพาราประมาณ 75% สวนผลไม้ ประมาณ 5%
ที่เหลือเป็นพื้นที่เพื่อการอยู่อาศัย พันธุ์ไม้ดั้งเดิมที่พอ
จะพบได้ในพื้นที่ ได้แก่ ไม้สาย ไม้หลุมพอ ไม้ไข่เขียว ไม้ยาง ไม้สะตอป่า
และไม้ลำแพน เป็นต้น
เป็นพื้นที่ในส่วนที่ราษฎรเข้าไปปลูกไม้ยืนต้นจำพวกไม้ผลเพื่อการเก็บเกี่ยวเป็นรายได้เสริมในอดีต
|