ที่ตั้งและลักษณะภูมิประเทศ
สถานีวิจัยลุ่มน้ำแม่แตง จ.เชียงใหม่ ตั้งอยู่ระหว่างเส้นรุ้งที่ 19o
7/ 23// ถึง 19o 10/ 28//เหนือ
และเส้นแวง ที่ 98 o45/ 14// ถึง 98o47/
32// ตะวันออก ในท้องที่ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง
จังหวัด เชียงใหม่ อยู่ห่างจากอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ประมาณ 60
กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ตามถนนสายเชียงใหม่-ฝาง
แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนสายแม่มาลัย-อำเภอปาย จังหวัด แม่ฮ่องสอน
สถานีวิจัย ลุ่มน้ำแม่แตง มีขอบเขตดังนี้
ทิศเหนือ จด โครงการหลวงบ้านแม้วม่อนเงาะ
ทิศใต้ จด ทางถนนหลวงสายบ้านแม่มาลัย-แม่ฮ่องสอน
ทิศตะวันออก จด บ้านปางฮ่าง
ทิศตะวันตก จด บ้านท่าผา
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสลับซับซ้อน มีที่ราบบ้างเล็กน้อยกระจาย สภาพป่ายังค่อนข้างสมบูรณ์
อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล (Elevation) ระหว่าง 350 - 1,200 เมตร จากระดับน้ำทะเล
ลักษณะของพื้นที่เป็นภูเขาสูงชัน มีทิศด้านลาดไปทางใต้
ลุ่มน้ำเป็นสาขาย่อยของน้ำแม่ริม พื้นที่ 95 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในป่าลุ่มน้ำชั้นที่
1 A มีชั้น 1 B บ้างเล็กน้อย การใช้ประโยชน์ที่ดินในลุ่มน้ำ
ตอนบน เป็นพื้นที่ทำการเกษตรของโครงการหลวงดอนม่อนเงาะ
ซึ่งเป็นชาวเขาเผ่าม้ง และคนเมือง อาศัยอยู่ พืชที่ปลูก
คือ ลิ้นจี่ ส้ม ข้าวโพด และกระหล่ำปลี ทางตอนล่างพื้นที่มีชาวเขาเผ่ากระเหรี่ยง
ปลูก ข้าวไร่ และข้าวโพด เป็นพื้นที่เล็ก ๆ คิดเป็นพื้นที่การเกษตรทั้งหมด
4.12 ตารางกิโลเมตร ที่เหลือ 6.22 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นที่ป่า
มีป่าเหลือเป็นหย่อมตามสันเขาและริมห้วย และพื้นที่ตอนล่าง
ประกอบไปด้วยป่าดิบเขาอยู่ในบริเวณที่มีความสูงเกิน 1,100 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง
ตาม สันเขาหรือยอดเขาเตี้ยที่ระดับความสูง ประมาณ 800-1,000 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง
เป็น ป่าเต็งรัง และที่ระดับต่ำกว่า 800 เมตรลงมา เป็นป่าเบญจพรรณมีไม้สักจะอยู่ตามลาดเขา
ลงมาถึง ลำห้วย ในช่วงตอนกลางของพื้นที่ยังมีแนวรอยต่อของ ป่าสามชนิดเป็นผืนใหญ่
มีพรรณไม้ของป่าสาม ชนิดขึ้นอยู่
ลักษณะทางอุทกวิทยา
สถานีวิจัยลุ่มน้ำแม่แตง มีพื้นที่ลุ่มน้ำย่อย 3 ลุ่มน้ำ คือ
1. ลุ่มน้ำย่อยห้วยน้ำใส
2. ลุ่มน้ำย่อยห้วยเยือง
3. ลุ่มน้ำย่อยห้วยหยวก
ห้วยน้ำใสจะไหลไปรวมกับน้ำแม่ฮาวที่บ้านต้นวุ้ง ตำบลสบเปิง อำเภอแม่แตง
น้ำฮาวไหลลง ลงน้ำแม่ริม ที่บ้านกาดฮาว ตำบลสลวง อำเภอแม่ริม และไหลลงแม่น้ำปิงที่ใกล้ตลาดอำเภอแม่ริม
ลักษณะทางธรณีวิทยา
ลักษณะทางธรณีวิทยาของลุ่มน้ำห้วยน้ำใสประกอบด้วยหินอัคนีชนิดหินแกรนิตเป็นส่วนใหญ่
พบ หินตะกอนและหินแปร ได้แก่ หินไนส์ หินชีสต์ หินอ่อน หินควอร์ตไซต์ หินฟิลไลต์อยู่ในส่วนบนสุด
ของลุ่มน้ำ
การลำดับหินจากแผนที่ธรณีวิทยาประเทศไทย ระวางอำเภอแม่แตง
พบว่า หินที่ปรากฏอยู่ ในพื้นที่ โดยเรียงลำดับจากอายุมากถึงอายุน้อย
เป็นหินชั้น และหินแปร ดังนี้
1. หินยุคพรีแคมเบรียน (Precambrian, PE 1) เป็นหินอายุมากที่สุด
พบทางด้านใต้ของ ลุ่มน้ำ ประกอบด้วยหินไนส์ หินไมกาชีสต์
หินฮอนเบลนด์ชิสต์ หินไนส์เนื้อไมโลไนต์ และหินชีสต์ เนื้อไนส์โลไนต์
หินควอร์ตไซต์ หินแคลค์ซิลิเกต หินอ่อน และหินอ่อนเนื้อไบโอไทต์
2. หินยุคออร์โดวิเซียน (Ordovician, O) หินยุคนี้ปรากฏอยู่บริเวณด้านบนสุดของลุ่มน้ำ
คือ ดอย ม่อนเงาะ ประกอบด้วยหินอ่อน สีขาวถึงเทาเข้ม สีน้ำตาล เป็นชั้นหนามากถึงชั้นบาง
ๆ
3. หินยุคดีโวเนียน-ไซลูเรียน (Devonian Siluvian), SD)
หินยุคนี้พบอยู่ด้านบนสุดของ ลุ่มน้ำ โดยวางตัวอยู่บนหินยุคออร์โดวิเชียน
ประกอบด้วยหินควอร์ตไซต์ หินฟิลไลต์ หินฟิลไลต์เนื้อ ควอร์ต
สีเทา ถึงเทาเข้ม
หินอัคนี ที่พบในพื้นที่แบ่งออกเป็น
1. หินแกรนิตยุคไทรแอสสิก 1 (Triassic , Trgr 1)
เป็นหินไบโอไทต์แกรนิตเนื้อละเอียดถึง ปานกลาง
2. หินแกรนิตยุค ไทรแอสสิก 2 (Triassic ,Trgr 2) เป็นหินไบโอไทต์แกรนิต หินฮอร์นแบลนด์
ไบโอไทต์แกรนิต เนื้อสม่ำเสมอถึงเนื้อแกมดอกใหญ่ มีการคดโค้งบ้างถึงรุนแรง
ลักษณะภูมิอากาศ
เนื่องจากเป็นเขาสูงจึงมีอากาศเย็นและฝนตกชุก สามารถสรุปลักษณะทั่วไปได้ ดังนี้
1. ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,446.16 มิลลิเมตร ปริมาณน้ำฝนตกมากที่สุด 309.56 มิลลิเมตร
ใน เดือน สิงหาคม
2. อุณหภูมิเฉลี่ยรายวัน ประมาณ 24.92 งศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 30.61 องศา เซลเซียส อูณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย
19.22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดในเดือนมีนาคม
35.74 องศา เซลเซียส อุณหภูมิ ต่ำสุดเดือน ธันวาคม 11.92 องศาเซลเซียส
ซึ่งเป็นฤดูหนาว
3. ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ย 77.41 เปอร์เซ็นต์
ในฤดูร้อนมีความชื้นอยู่ระหว่าง 67.1-71.8 เปอร์เซ็นต์
ในฤดูฝนมีความชื้นอยู่ระหว่าง 79.08-83.1 เปอร์เซ็นต์
ในฤดูหนาวมีความชื้นอยู่ ระหว่าง 63.14-75.28 เปอร์เซ็นต์
4. มีการระเหยน้ำเฉลี่ย 68.15 มิลลิเมตร/เดือน หรือ 817.74
มิลลิเมตร/ปี มีการระเหยสูงสุด ในเดือนเมษายน 115.08 มิลลิเมตร ต่ำสุดในเดือนธันวาคม
358 มิลลิเมตร
ลักษณะพืชพรรณและการใช้ประโยชน์ที่ดิน
พื้นที่ลุ่มน้ำประกอบไปด้วยป่าสามชนิด คือ ป่าดิบเขา ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ
มีไม้สักและ ป่าผสม ทั้งสามชนิด
- ป่าดิบเขา ประกอบด้วย ก่อนก (Lithocarpus polystachyus Rehd.), ก่อแพะ
(Quercus kerii Craib), ก่อแป้น (Castanopsis diversiforia
King), ก่อแดง (Quercus kingiana Craib),
ก่อตี (Castanopsis sp.) , เหมือด (Helicia sp), ทะโล้ (Schima
wallichii Choisy), มะขามป้อม (Phyllanthus emblica Linn.),
ส้าน (Dillenia sp.) ฯลฯ
- ป่าเต็งรัง ประกอบด้วย เต็ง (Shorea obtusa Wall),
รัง (Shorea siamensis Miq.), พลวง (Dipterocarpus
tuberculatus Roxb), เหียง ( Dipterocarpus
obtusiforius Teijsm.) แคทราย (Steriospermum
neuranthum Kurz). เก็ด (Dalbergia sp.), เหมือด (Helicia sp)
ฯลฯ
- ป่าเบญจพรรณมีไม้สัก ประกอบด้วย สัก (Tectona grandis Linn),
ค่าหด (Engelhardtia spicata Lech.ex Bl.), ตีนนก (Vitex
peduncularis Wall), เก็ด (Dalbergia sp.) มะกอก (Spodias
pinnata (L.f.) Kurz), สมอไทย (Terminalia chebula Retz.),
รกฟ้า (Terminalia alata Heyne ex Roth), มะเกิ้ม (Canarium subulatum
Guill.) ฯลฯ
ป่าผสมทั้งสามชนิด ประกอบด้วยพรรณไม้ในป่าสามชนิดขึ้นปะปนกัน
เช่น ก่อนก (Lithocarpus polystachyus Rehd.),
ทะโล้ (Schima wallichii Choisy), เต็ง (Shorea obtusa
Wall), รัง (Shorea siamensis Miq.),
ตีนนก (Vitex peduncularis Wall), มะกอก (Spodias
pinnata (L.f.) Kurz), มะเกิ้ม (Canarium subulatum
Guill.) เป็นต้น
ประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่สถานีวิจัยลุ่มน้ำแม่แตง เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าลีซอ
เผ่ากะเหรี่ยง มีชาวพม่าเชื้อสายไทยใหญ่อาศัยปะปนอยู่บ้าง
มีหมู่บ้านในพื้นที่ 3 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่บ้านแม้ว
ดอยเงาะ หมู่บ้าน ปางยาง และหมู่บ้านปางไฮ ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ มีประชากรประมาณ
200 คน (ปี 2533) แบ่งเป็นจำนวน 40 หลังคาเรือน ส่วนใหญ่มีความเป็นอยู่อย่างง่าย
ๆ อาศัยการเก็บของป่า และเพาะปลูกพืชกสิกรรม เช่น กล้วย พริก
ชา ข้าวโพด
|