ชื่อวิทยาศาสตร์
Dipterocarpus
Obtusifolius Teijsm.ex Miq.
ชื่อวงศ์ Dipterocarpaceae
ชื่อสามัญ
เหียง
ชื่อทางการค้า
-
ชื่อพื้นเมือง กุง
(มลายู-ภาคใต้) เกาะสะเตียง (ละว้า-เชียงใหม่)
ตะแบง (ภาคตะวันออก) ตาด (พิษณุโลก,
จันทบุรี ) ยางเหียง (ราชบุรี,
จันทบุรี) สะแบง (อุตรดิตถ์,
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) เหียง
(ทั่วไป) เหียงพลวง, เหียงโยน (ประจวบคีรีขันธ์)

ไม้ต้นขนาดเล็ก-กลาง
สูง 8-20 ม. ผลัดใบ ลำต้นเปลาตรง
เปลือกหนาสีน้ำตาลอมเทา
แตกเป็นสะเก็ดหนาๆ
และเป็นร่องลึกไปตามยาวของลำต้น
กิ่งอ่อนมีขนแน่น
และมีรอยแผลใบเห็นชัด
รูปทรง (เรือนยอด) เป็นพุ่มกลม
ค่อนข้างทึบ
ใบ
เดี่ยว
เรียงเขียนสลับ
ใบรูปไข่กว้าง 10-20 ซม. ยาว 13-25 ซม.
โคนใบมนหรือหยักเว้าตื้นๆ
ปลายใบมน เนื้อใบหนา
มีขนสีน้ำตาลคลุมแน่นทั้งสองด้าน
แผ่นใบจีบเป็นร่องรางน้ำระหว่างเส้นแขนงใบ
ขอบใบเป็นคลื่น ก้านใบยาว 3-5
ซม.
มีขนสีน้ำตาลคลุมใบตอนปลายกิ่ง
โคนกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันเป็นรูปถ้วย
ปลายแยก 5 แฉก กลีบดอกมี 5 กลีบ
ปลายกลีบบิดเวียนตามเข็มนาฬิกาเหมือนกังหัน
ดอก ออกเป็นช่อ
ตามตุ่ม
สี ชมพู
กลิ่น -
ออกดอก พ.ย.-ม.ค.
ผล รูปทรงกลม
แข็งและเกลี้ยง ประมาณ 3 ซม.
เมื่อแก่เกลี้ยงเป็นมัน
มีปีกยาว 2 ปีก ยาวประมาณ 13 ซม.
เส้นปีกตามยาวมี 3 เส้น
ปีกสั้น 3 ปีก เป็นติ่งสั้น
ยาวประมาณ 1 ซม.
ผลแก่ ธ.ค.-มี.ค.

เหียงเป็นพรรณไม้ที่พบทั่วไปในป่าเบญจพรรณแล้ง
ป่าแดง ป่าเต็งรัง ป่าสนเขา
ป่าชายหาด ทั่วประเทศไทย
ที่สูงจากระดับน้ำทะเลไม่เกิน
1000 ม.
เหียงเป็นพรรณไม้ที่ทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี
และหลายสภาพตั้งแต่ป่าบนภูเขาสูงจนถึงป่าชายหาดริมทะเล
แม้แต่ในภาคใต้ที่มีฝนตกชุกก็พบเหียงขึ้นอยู่ตามป่าชายหาดริมทะเลและป่าทุ่งที่มีดินเป็นกรดและมีกรวดปนหรือมีสภาพเป็นดินทราย

การขยายพันธุ์และการผลิตกล้า เพาะเมล็ด
ปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการปลูก
ดิน
ทุกชนิดที่มีการระบายน้ำดี
ความชื้น
มาก-น้อย
แสง มาก
การปลูกดูแลบำรุงรักษา
การคัดเลือกพื้นที่และเตรียมพื้นที่ปลูก
ควรใช้รถแทรกเตอร์เข้าไถพรวนดินเสียก่อน
เพื่อจะได้ลดการแก่งแย่งของวัชพืชในระยะแรก
วิธีการปลูกและระยะปลูกที่เหมาะสม
ขนาดหลุมที่พอเหมาะในการปลูกควรมีขนาดกว้าง
30 ซ.ม. ยาว 30 ซ.ม. ลึก 40 ซ.ม.
ก้นหลุมให้ใช้ฟางข้างแห้ง
หญ้าแห้ง ใบไม้แห้ง
รองก้นหลุมเพื่อกันความชื้น
ระยะปลูกคือ 4x4 ม. (ไร่ละ 100 ต้น)
ควรถางวัชพืชทุกๆ 3 เดือน
โรคและแมลง
-
อัตราการเจริญเติบโต
ในแต่ละท้องถิ่นจะมีอัตราการเจริญเติบโตแตกต่างกัน
เนื่องจากปัจจัยแวดล้อมเช่น
ปริมาณน้ำฝน สภาพพื้นดิน
ซึ่งในการปลูกต้องคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้ให้มาก
การเก็บรักษา
-
การแปรรูป
ใช้เปลือกไม้บง
บดให้ละเอียดผสมขี้เลื่อยและกาว
ใช้ทำธูป และผสมกำมะัถัน
ใช้ทำยากันยุงได้ดี
ปกติจะใช้เปลือกได้เมื่ออายุ
6-7 ปี

การตลาด -
การบริโภค -
การนำเข้า -
การส่งออก -

การใช้ประโยชน์ทางด้านเนื้อไม้
เนื้อไม้
สีแดงอ่อนถึงน้ำตาลปนแดง
เสี้ยนค่อนข้างตรง
เนื้อหยาบแต่สม่ำเสมอ แข็ง
เลื่อยผ่าไสกบตบแต่งง่าย
ใช้ทำสิ่งปลูกสร้างต่างๆ
ภายในร่ม เช่น เครื่องบน รอด
ตง คาน พื้น ฝา
ทำเครื่องมือทางการเกษตร
กังหันน้ำ
กระเบื้องไม้ปูพื้น
การใช้ประโยชน์ทางด้านนิเวศน์
การใช้ประโยชน์ทางด้านภูมิสถาปัตย์
-
การใช้ประโยชน์ทางด้านโภชนาการ
-
การใช้ประโยชน์ทางด้านสมุนไพร
น้ำมันใช้ทาแผลภายนอกเช่นเดียวกับพลวง
การใช้ประโยชน์ทางด้านอื่นๆ
น้ำมันและชันใช้ทาไม้
ยาเรือหรือยาเครื่องจักรสาน
ทำไต้ ใบ
เอามาเย็บเป็นตับ
สำหรับมุงหลังคาและฝาบ้านได้เหมือนใบพลวง
-
|