กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช  กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 









 

 

 

เพาโลเนีย

 

ชื่อวิทยาศาสตร์   Poulownia spp.

ชื่อวงศ์  -

ชื่อสามัญ   -

ชื่อทางการค้า  เพาโลเนีย

ชื่อพื้นเมือง  -

ไม้ยืนต้นขนาดกลางสูง 10-20 เมตร ผลัดใบ มีอัตราการเจริญเติบโตเร็วมาก ต้นอ่อนมีเปลือกสีเขียว มีปุ่มหรือรอยแผลใบทั่วลำต้น ต้นแก่(อายุมากกว่า 5 ปี) เปลือกเป็นสีน้ำตาลเข้ม แตกเป็นร่อง เปลือกบางฉีกขาดง่ายไม่ทนไฟ ทำให้ต้นไม้ตายได้ถ้าถูกไฟไหม้ มีรากแก้วตรงและยาวได้ถึง 40 ฟุต รากแขนงและรากฝอยจะอยู่ต่ำกว่าผิวดินประมาณ 4 ฟุต

                        รูปทรง (เรือนยอด)  

                        ใบ   ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก ใบรูปหัวใจ มีขนนุ่ม สีเขียวอ่อนด้านหลังใบ ก้านท้องใบไม่มีขน มีเส้นกลางใบและเส้นแขนงใบชัดเจน ใบมีขนาดโตเต็มที่กว้างได้ถึง 36 นิ้ว ก้านใบยาว

                        ดอก  ดอกออกเป็นช่อ ขนาดใหญ่ ที่ปลายกิ่ง ดอกตูมเป็นกระเปาะสีน้ำตาล เป็นดอกสมบูรณ์เพศ

                                       สี  ม่วง

                                       กลิ่น     -     

                                       ออกดอก  -

                        ผล  -

                                       ผลแก่  -

  เพาโลเนียเป็นพันธุ์ไม้พื้นเมืองของจีนเป็นส่วนใหญ่มีมากว่า 30 สายพันธุ์ เป็นพันธุ์ไม้ในเขตอากาศอบอุ่น ที่มีปริมาณน้ำฝน 500-2,600 มิลลิเมตร /ปี มีความชื้นในอากาศสูง อุณหภูมิอยู่ระหว่าง -10 - 42 องศา ปัจจุบันมีความนิยมปลูกกันในหลายประเทศ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น แคนนาดา  อิตาลี  อังกฤษ  อินโดนีเซีย  ไทย  เป็นต้น

เพาะเมล็ด

  การขยายพันธุ์และการผลิตกล้า 

  ปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการปลูก 

                        ดิน  เพาโลเนีย  สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพดินชนิดต่าง ๆ ได้ดี แต่อ่อนไหวต่อปริมาณน้ำที่มากเกินไป ชอบดินลึก  ดินร่วนซุย มีการระบายน้ำดี  ทนต่อดินที่เป็นด่างสูง  แต่ไม่่ทนต่อดินที่เป็นกรดสูง ถึง pH 3.5

                        ความชื้น สูง ปริมาณน้ำฝนอยู่ในช่วง 500-2,600 มิลลิเมตร อุณหภูมิอยู่ในช่วง -10 - 42 องศา

                        แสง   มาก

  การปลูกดูแลบำรุงรักษา   

                       การคัดเลือกพื้นที่และเตรียมพื้นที่ปลูก  

                        วิธีการปลูกและระยะปลูกที่เหมาะสม     

  โรคและแมลง    

  อัตราการเจริญเติบโต    

 

                       การเก็บรักษา   -

                       การแปรรูป  -

                       การตลาด  -

                       การบริโภค  -

                       การนำเข้า -

                       การส่งออก  -



                     
การใช้ประโยชน์ทางด้านเนื้อไม้  
คุณสมบัติของไม้เพาโลเนียมีดังนี้ มีน้ำหนักเบา (14 ปอนด์/ลูกบาศก์ฟุต) ,ทนต่อความร้อนสูงมาก (ติดไฟที่ 425 องศา) ,อบให้แห้งง่ายและมีความเสียหายน้อย ถ้าอบในตู้อบจะแห้งในเวลา 24-48 ชั่วโมง ถ้าอากาศปกติ 30-60 วัน โดยไม่มีปัญหาการร้าว การบิดงอ การปริแตก ,มีความพรุนสูง (75-88%) ,มีความทนทาน ผุพังยากมาก (ในสภาพที่ไม่สัมผัสกับพื้นดิน) ,ง่ายต่อการเลื่อย เจาะรูใส ขัดผิว

                                   -  ใช้ทำไม้แปรรูปก่อสร้างบ้าน เช่น ไม้พื้น วงกบ ประตู หน้าต่าง ทำไม้คิ้ว

                                   -  ทำเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ งานแกะสลักต่าง ๆ หรืองานฝีมือของประดับต่าง ๆ เช่น กรอบรูป ถาด ทัพพี ตะเกียบ  เขียง  เป็นต้น

                                   -  ทำใบพัดเครื่องบิน

                                   -  ทำเรือเดินทะเล  เสากระโดงเรือยอร์ช

                      การใช้ประโยชน์ทางด้านนิเวศน์  รากของเพาโลเนียช่วยปรับสภาพดินและเก็บความชื้นในดินได้ โดยสามารถปรับสภาพดินภูเขา ดินปนทราย หรือดินที่มีค่าความเป็นด่างสูง แต่ไม่สามารถปรับปรุงดินเหนียวหรือดินปนหิน และดินที่เป็นกรดจัดที่มีค่า pH 3.5 ใบของเพาโลเนียมีขนาดใหญ่ และธาตุไนโตรเจนสูงช่วยเพิ่มความสมบูรณ์ให้กับดิน และปกคลุมหน้าดิน ช่วยชลอการชะล้างผิวหน้าดิน ดอกเพาโลเนียให้น้ำหวานแก่ผึ้งได้เป็นอย่างดี สามารถปลูกเพื่อเลี้ยง ผึ้งได้ ใบของเพาโลเนียยังมีโปรตีนสูง สัีตว์ต่าง ๆ ชอบกัดกิน เช่น กวาง กระต่าย วัว เป็นต้น

                      การใช้ประโยชน์ทางด้านภูมิสถาปัตย์  ปลูกเป็นไม้ประดับเพื่อชมดอกสีม่วง ซึ่งมีขนาดใหญ่และดก ดูสวยงาม

                      การใช้ประโยชน์ทางด้านโภชนาการ  -

                      การใช้ประโยชน์ทางด้านสมุนไพร -